ทำไมผมถึงเลือกที่จะไม่ทำงานแบบ Remote Working?

Featured Image productivity why not remote working update

การทำงานแบบ Remote Working นั้นถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คือการที่คนที่ทำงานร่วมกันไม่จำเป็นต้องมาเจอหน้ากันใน Office สามารถทำงานด้วยกันผ่านเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ และสามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ตรงตามเวลา

ซึ่งวิธีการทำงานแบบนี้นั้นมี Case Study ต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจที่ผมชื่นชอบอย่าง Automattic (ผู้สร้าง WordPress) 37Signals (ผู้สร้าง Basecamp) Buffer หรือถ้าของคนไทยที่เป็นกึ่ง Remote ก็คือพี่เม่นจาก Seedthemes

แต่ว่าวิธีการทำงานแบบนี้มันเหมาะกับคนไทยอย่างเราจริงๆ รึเปล่า?

ก่อนอื่นเลย ผมขอพูดถึงข้อดีของการทำงานแบบ Remote ในมุมมองของผมก่อนนะครับ

ข้อดีของ Remote

1. ค่าใช้จ่าย

แน่นอนว่าถ้าทำงานแบบมี Office ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่คุณจะต้องหมดไปก็คือค่าเช่าที่ (และค่าตกแต่ง) การทำงานแบบ Remote จะทำให้คุณตัดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ไปได้

Note: หลายๆ บริษัทที่เป็น Remote มีสวัสดิการออกค่าใช้จ่ายให้พนักงานสามารถเข้าไปนั่งใน Co-working Space ตรงส่วนนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในระดับหนึ่งแต่ผมคิดว่าไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับการไปเช่า Office

2. มีโอกาสจ้างคนที่ใช่มากขึ้น 

คนเก่ง อยู่ที่ไหนก็เป็นคนเก่ง การที่คุณไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่การทำงานจะทำให้คุณได้มีโอกาสได้คนเก่งเข้ามาทำงานร่วมกับคุณได้โดยตัดปัจจุยเรื่อง Location ออกไป

Remote ไม่ใช่แค่เรื่องของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ผมเชื่อว่าทุกคน ทุกบริษัทที่ทำธุรกิจแบบ Remote นั้นไม่ได้เอาประเด็นทั้ง 2 ปัจจัยข้างบนเป็นปัจจัยหลัก แต่เป็นเรื่องของรูปแบบการใช้ชีวิตแบบอิสระมากกว่า

การทำงานแบบ Remote มีข้อดีขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงไม่ชอบ ยังอยากที่จะนั่งทำงานใน Office อยู่ดีล่ะ?

1. การควบคุม

ผมรู้สึกว่าการทำงานแบบเจอหน้ากันทำให้ผมควบคุมอะไรได้มากกว่า ไม่ใช่การควบคุมในเชิงการชี้นิ้วสั่งนะ แต่เป็นการควบคุมสถานการณ์ โดยที่ผมเชื่อว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้า จับต้องได้ สามารถควบคุมได้ง่ายกว่า เช่นเวลามีงานอะไรเร่งด่วนก็สามารถตะโกนข้ามโต๊ะเพื่อพูดคุยทันที (แทนที่จะต้องรอการส่ง Message ผ่าน Slack หรือ Assign งานผ่าน Project Management Software แล้วเฝ้ารอให้คนที่ผม Mention ถึงมาตอบ)

2. การทำงานใน Office ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ตั้งแต่ตอนเริ่มก่อตั้งบริษัท ผมคิดถึงคำว่า “Culture” มาตลอด ถ้ามีคนเป็นร้อยคนจะเป็นยังไง? ถ้าเจอปัญหา จะแก้ไขกันยังไง? คนที่เข้ามาทำงานร่วมกับเราควรจะเป็นคนแบบไหน?

ในความเห็นส่วนตัวของผม การที่เรารวมกลุ่มก้อนของคนมาอยู่ด้วยกัน นั่งคุยกัน หัวเราะ สุข ทุกข์ หรือเครียด มันน่าจะตอบโจทย์การสร้าง “Culture” ของผมมากกว่าการทำงานแบบ Remote เพราะผมเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าแค่ไหน ซอฟท์แวร์ที่ใช้จะซับซ้อนเพียงไร “คน” ก็ยังคงต้องการปฏิสัมพันธ์กับ “คน” ในรูปแบบของ “คน” จริงๆ อยู่ดี

สรุป

ต่างคน ต่างใจ และต่างความฝัน 🙂

อะไรที่ว่าดีสำหรับผม อาจจะไม่เวิร์คสำหรับคุณก็ได้เพราะผมก็มีความต้องการของผม คุณก็มีความต้องการของคุณ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่มุมมอง และแนวคิด

สิ่งสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ในบทความนี้คือให้ถามตัวเองเยอะๆ ว่าคุณชอบ/จำเป็น/ต้องการแบบไหน แล้วปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะกับคุณ แค่นั้นเอง

มีความฝัน พร้อมสมองและสองมือ ยังไงก็จะต้องสร้างสิ่งที่ตัวเองต้องการได้แน่ๆ จริงไหมครับ?

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top