Productivity Flow Book mockup

แนะนำ Productivity Flow – ภาวะลื่นไหล ทำอะไรก็ง่ายหมด

เทคนิคโปรดักทีฟที่เปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นง่าย ด้วยแนวคิด วิธีการ และเครื่องมือที่คุณเองก็ทำตามได้ (สั่งซื้อหนังสือ คลิกที่นี่เลย)
*เมื่อคลิกลิงก์ทางด้านบน คุณจะถูกส่งไปยัง Facebook Messenger ของสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย คุณสามารถสั่งซื้อจากที่นั่นได้เลยนะครับ

หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?

ในยุคที่คนประสบความสำเร็จมีมากมาย คนมักจะผูกคำว่า Productivity กับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความสำเร็จต่างๆ

แต่ผมคิดว่าคำว่า Productivity ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับเรื่องเหล่านี้เสมอไป

Productivity ไม่เท่ากับการที่ทำงานได้เยอะๆ

Productivity ไม่เท่ากับการทำงานตลอดเวลา

Productivity ไม่เท่ากับการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

เพราะจริงๆ แล้วในชีวิตของคนเรามีสิ่งสำคัญหลายอย่าง

ผมคิดว่า…

Productivity เท่ากับการทำสิ่งสำคัญในชีวิต (ณ ปัจจุบัน และอนาคต) ให้สำเร็จ

Productivity เท่ากับการทำงานที่ต้องทำให้เสร็จ แล้วก็เอาเวลาไป Productive กับเรื่องอื่น

Productivity เท่ากับการประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงาน การเรียนรู้ สุขภาพ และการใช้ชีวิตของตัวเอง

ในหนังสือเล่มนี้ ผมได้รวบรวมแนวคิด เฟรมเวิร์ค เทคนิคและวิธีการในการเพิ่ม Productivity ทั้งในเรื่องงาน การเรียนรู้ สุขภาพ และชีวิต เพื่อทำให้สิ่งต่างๆ “Flow” หรือว่าไหลลื่นมากยิ่งขึ้น

หนังสือเล่มนี้จะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน

ส่วนที่ 1 คือ Productivity Flow 

Framework ตัวนี้ (และ Framework ย่อยๆ ที่อยู่ในนี้) จะช่วยเป็นกรอบความคิดให้คุณได้ทดลองทำตามเพื่อที่จะทำให้คุณทำชีวิตของคุณให้ Productive ขึ้นในทุกวัน โดยที่ไม่ต้องใช้แรงหรือฝืนตัวเองมากจนเกินไป

ถามว่าทำไมต้องมี Framework? 

การทำธุรกิจก็มี Framework การตลาดก็มี Framework ทำไมกับการที่จะทำให้ตัวเอง Productive ขึ้นนั้นยังต้องมี Framework ขึ้นมาอีก?

ผมชอบเปรียบการใช้ Framework เหมือนกระบวนท่าในการฝึกวิทยายุทธ์ในหนังจีน

กระบวนท่านั้นช่วยให้จอมยุทธ์ฝึกหัด (อย่างคุณและผม) มีเคล็ดวิชาเป็น แนวทางในการฝึกวิทยายุทธ์

เพราะจอมยุทธ์ฝึกหัดนั้นยังไม่ใช่สุดยอดปรมาจารย์ที่จะเข้าสู่ขั้นที่ว่า “ไร้กระบวนท่าเหนือกว่ามีกระบวนท่า” การมี Framework นั้นก็เหมือนกับการมีกระบวนท่าให้ได้ฝึกตามอย่างง่ายๆ เพื่อที่เส้นทางสู่การเป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริงนั้นเป็นไปได้จริงยิ่งขึ้น

ซึ่งการจะทำตาม Framework นั้น มันอาจจะต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจสักหน่อยในช่วงแรก แต่ถ้าลองเปิดใจนำไปใช้ทุกวัน การฝึกฝนให้ตัวเอง Productive นั้นจะง่ายขึ้นมากครับ

ส่วนที่ 2 คือเรื่องของ Productivity 101 

Productivity 101 ว่าด้วยเรื่องของวิธีการเพิ่ม Productivity แบบที่เข้าใจและทำตามได้อย่างง่ายๆ โดยที่เนื้อหาจะครอบคลุมถึงเรื่องงาน (Work) การเรียนรู้ (Learn), สุขภาพ (Health) และชีวิต (Life) และเป็นแบบ Bite-sized ที่อ่านจบได้ในตอน ใช้เวลาไม่นานในการอ่านให้จบและทำความเข้าใจ และจะพลิกกลับมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้

ผมตั้งใจว่าจะทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือที่สามารถพกติดตัวไว้ได้ เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกไม่ Productive หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากจะใช้ชีวิตให้ Productive ขึ้น ให้ลองหยิบเอาหนังสือเล่มนี้มาพลิกอ่านและเลือกหยิบหัวข้อที่ตรงกับปัญหาหรือความสนใจของคุณในช่วงนั้นๆ ไปใช้ดู

แทบจะทุกข้อในนี้ผมเคยลองทดสอบ ลองทำด้วยตัวเองมาแล้ว และในหลายๆ เรื่องก็ยังคงทำอยู่ในทุกๆ วัน มีบ้างบางเรื่อง (ซึ่งน้อยมากๆ) ที่ยังไม่เคยทำ แต่ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องเหล่านั้นจากคนรอบตัว 

และเนื่องจากว่างานหลักที่ผมทำมาเกือบๆ 10 ปีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดิจิทัลและเทคโนโลยี ผมก็จะไม่ได้มาแนะนำแค่แนวคิดและวิธีการ แต่จะมาแนะนำเทคโนโลยีดีๆ ที่จะช่วยให้คุณ Productive ขึ้นด้วย 

ซึ่งส่วนตัว ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า “Technology doesn’t replace, but it empowers human” – เทคโนโลยีไม่ได้จะเข้ามาแทนที่แต่จะมาช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น – เพราะฉะนั้นในหนังสือเล่มนี้มีหลายๆ ข้อที่ผมจะแนะนำวิธีการผสานตัวคุณและเทคโนโลยีให้เข้ากันอย่างไร้รอยต่อและทำให้คุณและเทคโนโลยีนั้นส่งเสริมกันและกันอย่างกลมกลืนอีกด้วยครับ

แนวคิด เทคนิค และวิธีการที่เป็น “แก่น” ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ ผมไม่ได้เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง แต่เกิดจากการเก็บเล็กผสมน้อย เรียนรู้จากแหล่งต่างๆ บุคคลหลายๆ คนที่ผมใช้เป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตและการทำตัวเองให้ Productive รวมไปถึงศาสตร์ต่างๆ ในอดีตที่อาจจะไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อคนหรือองค์กรที่คิดค้นด้วย 

ถ้าเนื้อหาส่วนไหนที่คุณอ่านแล้วจบแล้ว เอาไปใช้แล้วได้ผล ผมขอยกเครดิตให้กับผู้คนและองค์กรที่เป็นผู้คิดค้นหลักการเหล่านั้น (ผมจะพยายามให้เครดิตในหนังสือให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้) 

แต่ถ้าเนื้อหาในส่วนไหน คุณอ่านแล้วไม่เข้าใจ ขอให้ถือว่าผมยังตกผลึกมายังไม่ดีเพียงพอนะครับ

เรามาเรียนรู้และทำตัวเองให้เป็นคนที่มี Productivity มากขึ้นไปด้วยกันนะครับ!

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้…

ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะมีใจให้ผมและหนังสือเล่มนี้อยู่หน่อยๆ เพราะฉะนั้นผมขอฝากหนังสือ “Productivity Flow – ภาวะลื่นไหล ทำอะไรก็ง่ายหมด” ให้เป็นอีกหนึ่งเล่มในชั้นหนังสือของคุณด้วยนะครับ 🙂

เมื่อคลิกปุ่มทางด้านบน คุณจะถูกส่งไปยัง Facebook Messenger ของสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย คุณสามารถสั่งซื้อจากที่นั่นได้เลยนะครับ

คนที่ได้อ่านแล้ว พูดถึงหนังสือเล่มนี้อย่างไรบ้าง?

ศาสตราจารย์ ดร. นภดล ร่มโพธิ์, อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักเขียนและ Podcaster ช่อง Nopadol’s Story

“สงสัยว่าคนนี้ต้องมีเวลาเกิน 24 ชั่วโมงแน่ ๆ ทำไมทำอะไรก็ดูสำเร็จไปซะหมด นี่คงไม่ได้หลับไม่ได้นอนแน่ ๆ เอาแต่ทำงานแบบนี้ เสียสุขภาพ ไม่คุ้มหรอก”

หลาย ๆ คนอาจจะเคยมีความคิดแบบนี้ เพราะนึกไม่ออกเลยว่า ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงทำอะไรสำเร็จไปหมด ก็เลยเดาเอาว่า คงต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นแน่ ๆ 

แต่จริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดครับ ถ้าท่านรู้เคล็ดลับของการ “ทำน้อย ให้ได้มาก”

หนังสือเล่มนี้ที่เขียนโดยคุณแบงก์ สิทธินันท์ พลวิสุทธิศักดิ์ แห่ง Content Shifu จะพาท่านไปรู้จักเคล็ดลับนี้ แล้วท่านจะทราบว่า คนที่ดูเหมือนทำอะไรก็สำเร็จนั้น จริง ๆ แล้ว เขาอาจจะมีเวลาว่างมากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ

ผมทราบครับว่าเวลามีค่า เราควรเลือกที่จะใช้เวลาอย่างฉลาด แต่อยากจะบอกว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากที่สุดอย่างหนึ่งเลยครับ

แนะนำให้อ่านจริง ๆ ครับ

รวิศ หาญอุตสาหะ, CEO ของ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด

ผมเป็นคนที่สนใจเรื่อง productivity อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้จึงเตะตาผมอย่างมาก 

เมื่อได้อ่านก็ต้องบอกว่าน่าสนใจมากครับ เพราะว่าหัวข้อแต่ละประเด็นนั้นละเอียดจริงๆ ตั้งแต่ประเด็นเรื่องการทำงาน เรื่องการประชุม แต่ไม่จบแค่นั้นครับ ยังรวมไปถึงมุมอื่นๆอย่างเรื่อง อาหาร ด้วยว่าเกี่ยวข้องกับ productivity อย่างไรบ้าง 

ในส่วนของ part สุดท้ายเป็นส่วนที่ผมชอบมากครับ เพราะเป็นวิธีคิด การปรับ mindset และความหมายจริงๆของคำว่า productivity ว่าจริงๆแล้วมันหมายถึงอะไรกันแน่ 

แบงค์เป็นคนที่เขียนหนังสือสนุกและน่าติดตามมากครับ เป็นอีกเล่มที่พลาดไม่ได้จริงๆ ครับ

ต้อง กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เจ้าของเพจและพอดคาสต์ 8 บรรทัดครึ่ง

แบงค์เขียนหนังสือได้เข้าใจง่าย คมคาย และลึกซึ้ง แบบนักปฏิบัติตัวจริง ครบถ้วนทุกแง่มุมด้าน productivity เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นคัมภีร์ช่วยให้คนทำงานที่ตั้งใจทำงานทุกคน ประสบความสำเร็จครับ

ขอบคุณคุณแบงค์ที่ทำหนังสือเจ๋งๆ แบบนี้ออกมานะครับ

ทอย กษิดิศ สตางค์มงคล เจ้าของเพจ DataRockie

ตั้งแต่รู้จักแบงค์ ก็ติดตามอ่านหนังสือเค้ามาตลอด และเล่มนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง (เหมือนเคย 😆) 

ฉีกทุกกฏ ปลดล็อคพลังอย่างแท้จริง ⭐

เล่มเดียวจบ ครบทุกเรื่อง Productivity หลักการ + วิธีการ + วินัยคือสามอย่างที่แบงค์เน้นและอธิบายแบบเข้าใจง่ายตลอดทั้งเล่ม

สิ่งที่ชอบที่สุดคือการประยุกต์ใช้เรื่อง Productivity กับการเรียนรู้และการสอนหนังสือ มีทั้ง Framework และตัวอย่าง Excel ให้ลองทำตามตลอดทั้งเล่ม

อ่านแล้วความคิดและมุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยครับ สามร้อยหน้าจบในสองวัน แค่เริ่มอ่านก็ Productive ได้ทันที อะเมซิ่งงง

DataRockie นอนน้อยแต่นอนนะ (แต่อ่านเล่มนี้จบ จะนอนเยอะขึ้นแล้วครับ ยั๊งง 55+)

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์, Head of Storytelling, YourNextU by SEAC นักเขียนเพจ “ท้อฟฟี่ แบรดชอว์”

1

ในยุคนี้ คำว่า “Productivity” อาจจะฟังดูเป็นคำที่น่ากลัว

น่ากลัวเพราะคนยุคนี้แบกความคาดหวังของคนรอบข้างและของตัวเองไว้มาก

ต้องเติบโตแบบก้าวกระโดด

ต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ

ต้องรอบรู้

ต้องทันเทรนด์

ต้อง Multi-skills

ต้องมีทั้ง Hard Skills และ Soft Skills

ต้อง Productivity ไปไหน

มันเหนื่อย…โว้ย

2

แต่หนังสือ “Productivity 101” เล่มนี้ช่วยให้เรามีมุมมองต่อ Productivity อย่างเข้าใจมากขึ้น

ด้วยการใช้ความรู้มาขจัดความกลัว

รู้ “What” ว่าจะเอา Productivity ไปใช้กับอะไรได้บ้าง

รู้ “How” ว่าจะทำให้เกิด Productivity ได้อย่างไร  

แต่สำคัญที่สุดคือ รู้ “Why” ว่าทำไมเราต้องมี Productivity

Productivity จึงจะมีความหมาย

3

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกว่าคุณต้องเก่งเท่านั้นถึงจะมีที่ยืนบนโลก

แต่หนังสือเล่มนี้กำลังบอกว่า มนุษย์ทุกคนพัฒนาได้

Productivity คือกระบวนการค้นหาวิธีการที่ดีขึ้น

ไม่มีคำว่าวิธีการที่ดีที่สุด มีแต่คำว่าดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น

เพราะเมื่อไรก็ตามที่ยึดติดว่านี่คือดีที่สุด หรืออันนี้แหละดีแล้ว

เท่ากับหยุดพัฒนา

4

คุณแบงค์ที่ผมรู้จักเป็นนักเตรียมข้อมูล เต็มไปด้วยตรรกะเหตุผล

ผมเคยไปฟังคุณแบงค์บรรยาย ผมรู้สึกเลยว่าคนที่ได้ฟังคุณแบงค์คุ้มมาก

เพราะเขาไม่ได้แค่ทำให้มันจบๆ ไป แต่เขาตั้งใจกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่

ผมสัมผัสได้ว่า เขาคิดอยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น 

หนังสือเล่มนี้ก็เป็นแบบนั้น

เมื่อคุณแบงค์เขียนหนังสือเกี่ยวกับ Productivity ผมเลยไม่แปลกใจ

เพราะเขาเป็นคนที่มองหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้น

เขาถึงถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาได้ดี

5

Productivity เป็นการการขยายศักยภาพในการเติบโต 

การเติบโตไม่มีไม่เหนื่อยหรอกครับ — โคตรเหนื่อย

แต่ถ้าเราจะใช้พลังงานกับอะไร เราน่าจะใช้มันอย่างรู้วิธีที่คุ้มค่าที่สุด

และรู้ว่าทำไมเราต้องทำมัน 

เราได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนั้น

Productivity จึงจะเกิดขึ้นพร้อมกับเราที่เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์

อ่านมาจนจบเลย…

ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะมีใจให้ผมและหนังสือเล่มนี้อยู่แน่ๆ เพราะฉะนั้นผมขอฝากหนังสือ “Productivity Flow – ภาวะลื่นไหล ทำอะไรก็ง่ายหมด” ให้เป็นอีกหนึ่งเล่มในชั้นหนังสือของคุณด้วยนะครับ 🙂

เมื่อคลิกปุ่มทางด้านบน คุณจะถูกส่งไปยัง Facebook Messenger ของสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย คุณสามารถสั่งซื้อจากที่นั่นได้เลยนะครับ

Scroll to Top