7 Productivity Hacks ที่ผมใช้เป็นประจำแทบจะทุกวัน

Featured Image Productivity hacks 1

วัน 1 วันมีแค่ 24 ชั่วโมง เวลาที่เราจะ Functional จริงๆ ก็อาจจะมีแค่ 12-14 ชั่วโมง ทำยังไงให้ใช้เวลาที่มีในแต่ละวันให้คุ้มค่าที่สุด

ในบทความนี้ ผมมี 7 Productivity Hacks ที่ผมใช้เป็นประจำแทบจะทุกวันมาแชร์ให้คุณได้อ่านครับ

ลองเอาสัก 2-3 ข้อนี้ไปปรับใช้ รับรองว่าคุณจะใช้ชีวิตได้ Productive ขึ้นแน่ๆ ครับ 🙂

YouTube video

1. เทคนิค กกน.

กกน. ในที่นี้ไม่ได้ย่อมาจากกางเกงในนะครับ แต่มันย่อมาจาก ก – กำลังกายต้องออกบ้าง, ก – กินแต่พอดี และน – นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

  • การออกกำลังกาย – ผมจะตั้งธงไว้เลยว่าจะออกสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเป็นอย่างน้อย มีทั้งอันที่เบาๆ ทำได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ เช่นการเล่น Ringfit ใน Nintendo Switch หรือการวิ่ง Cardio และมีทั้งอันที่หนักขึ้นเช่นการไปเตะฟุตบอล
  • กินแต่พอดี – อันนี้ทำยากที่สุดแต่ผมก็พยายามทำนะ คือกินคาร์บและของที่มีไขมันไม่ดีให้น้อยลง และพยายามกินผัก ผลไม้ โปรตีนให้เยอะขึ้น รวมไปถึงว่าผมทำ IF (Intermittent fasting) ที่เริ่มกินอาหารที่มีแคลอรี่ตอนเที่ยงและกินมื้อสุดท้ายไม่เกิน 2 ทุ่มด้วย
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ – ข้อนี้ง่ายสำหรับผม หัวถึงหมอนเมื่อไหร่ ไม่เกิน 10 นาที สลบเหมือด ซึ่งผมพยายามจะนอนให้ได้อย่างน้อยที่สุด 6 ชั่วโมงครึ่ง และไม่เกิน 8 ชั่วโมง ถ้าน้อยไปจะไม่สดชื่น ถ้ามากไปจะปวดหัว

2. ใช้คอมที่ดีที่สุด (เท่าที่จะลงทุนไหว)

มีพี่คนนึงเคยกล่าวกับผมไว้ว่า “Once you go Mac, you’ll never go back”

Featured Image old macbook discharged

ซึ่งสำหรับผมมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะหลังจากที่ผมใช้ Mac ครั้งแรกแล้วผมก็ไม่เคยเหลียวไปมองอย่างอื่นอีกเลย สาเหตุเพราะ Mac ขึ้นชื่อในเรื่องของความง่าย และความ Stable

คือถ้าเอามาใช้ส่วนตัวอาจจะไม่คุ้ม แต่ถ้าเอามาใช้สำหรับการทำงาน ผมคิดว่าคุ้มเกินคุ้มเพราะมันทำให้ผมทำงานเร็วขึ้นเยอะมาก

จริงๆ หลักการการเลือก Laptop สามารถเอาไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้ด้วยนะครับ คือถึงแม้ของที่เราอยากจะซื้อมันราคาสูง แต่ถ้าทำให้เวลาเพิ่มก็คุ้ม เช่นสมมติ 1 ชั่วโมงเรามีมูลค่า 500 บาท ถ้าใช้ของชิ้นนี้แล้วทำให้เราทำงานได้เร็วกว่าเดิมวันละครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่า 1 วันเราประหยัดไปได้ 250 บาท และ 250 บาท x 1 ปี ก็จะเท่ากับ 91,250 บาท

ถ้าของที่คุณซื้อมาราคาไม่ถึง 91,250 บาท แค่คุณซื้อมาใช้ 1 ปีก็คุ้มแล้ว

3. โต๊ะทำงานต้องถูกหลัก Ergonomics

เก้าอี้ โต๊ะ ไฟ จอมอนิเตอร์ เมาส์ คีย์บอร์ด ทุกอย่างบนโต๊ะทำงาน ต้องถูกต้องตามหลัก Ergonomics

หลัก Ergonomics คือหลักการยศาสตร์ที่ว่าต้องเรื่องของการออกแบบอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับความปลอดภัยและการใช้งานของมนุษย์

ผมได้ยินคำว่า Ergonomics ครั้งแรกตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยครับ คือเรียนสายวิศวกรรมอุตสาหการมาแล้วในโรงงานมันจะมีเรื่องนี้เยอะ เพราะคนงานจะต้องทำงานอยู่ในที่เดิม ท่าเดิม สภาพแวดล้อมแบบเดิมซ้ำๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน ถ้า Ergonomics ไม่ถูก Optimize จะส่งผลต่อสุขภาพและ Performance ของคนทำงาน

เก้าอี้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของเรื่อง Ergonomics ซึ่งต้องลงทุนครับ มีแบรนด์ดีๆ หลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Herman Miller, Modern Form, DF Prochair, Hara, Ergotrend และอื่นๆ อีกหลายแบรนด์ ซึ่งราคาจะตกอยู่ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึง 5-6 หมื่นครับ

โต๊ะทำงาน ความสูงก็ต้องพอดีกับเก้าอี้ทำงาน และโต๊ะยืนก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ คือทำงานสัก 1 ชั่วโมง แล้วสลับมายืนทำงานอีกสัก 5-10 นาทีครับ ซึ่งโต๊ะยืนนั้นจะมีราคาอยู่ที่หมื่นต้นๆ จนถึง 2 หมื่นกว่าบาทครับ

นอกจากนั้นแล้วอุปกรณ์อย่างจอมอนิเตอร์ ไฟ เมาส์ คีย์บอร์ด ก็เป็นสิ่งที่ Optimize ได้ครับ อย่างในรูปนี้ก็เป็นตัวอย่างอุปกรณ์ต่างๆ ของผมครับ

พยายามทำพื้นที่ทำงานให้ Optimize ที่สุด และคุณอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานก็จะลดลงครับ (ผมเคยเป็น Office Syndrome มาหลายปี บอกเลยว่ามันส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตมากๆ ครับ)

4. ฝึกพิมพ์สัมผัส

ถ้าคุณต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่จะช่วยคุณได้มากๆ ครับ

สมมติว่ามีคนอยู่ 2 คนที่เก่ง ฉลาด มีความสามารถพอๆ กัน แต่คนที่พิมพ์สัมผัสได้อาจจะสร้าง Output หรือทำงานเสร็จได้มากกว่าที่พิมพ์สัมผัสไม่ได้หลายเท่าเลย

10fastingers

มันจะมีเว็บฝึกพิมพ์อย่าง 10FastFingers ที่คุณสามารถเข้าไปฝึกพิมพ์ภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็แล้วแต่ที่คุณอยากฝึกได้ครับ

อีกหนึ่งวิธีที่ผมคิดว่าได้ผลดีคือการบังคับตัวเองให้ต้องจำให้ได้ว่าแป้นพิมพ์ไหนคือตัวอักษรไหน วิธีที่ว่านี้คือการใช้คีย์บอร์ดที่ไม่มีภาษาไทยครับ อย่างอันนี้เลย ที่ผมใช้ของ Logitech อยู่ แล้วก็ไม่ติด Sticker ที่เขาให้มาครับ

พยายามลองฝึกให้พิมพ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษให้ได้เกิน 50 คำต่อนาทีขึ้นไป คุณจะทำงานเร็วขึ้นอีกมากครับ

อ่านเพิ่มเติม: ทำงานให้ Productive ขึ้นด้วยการฝึกพิมพ์

5. เปิดเพลง

เสียงคือหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของคน

มี Research มากมายหลายตัวที่บอกว่าการใช้เสียงนั้นนอกจากจะใช้เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายได้แล้ว ยังช่วยในเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการช่วยให้โฟกัส หรือช่วยให้มีสมาธิได้อีกด้วย

สำหรับเรื่อง Productivity แล้ว การได้ฟัง Background Music ดีๆ ที่เปิดจากช่องต่างๆ ใน YouTube จะช่วยให้บรรยากาศในการทำงานหรือการใช้เวลาทำเรื่องต่างๆ เปลี่ยนไปเลย

Keyword ที่ผมชอบใช้ในการค้นหา YouTube คือ Morning Music หรือ Starbucks Music ครับ

brain.fm home

นอกจากนั้นแล้วถ้าคุณอยากได้เสียงเพลงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณโฟกัสได้มากยิ่งขึ้น มันก็จะมีแอปอย่าง Brain.fm หรือ Headspace ที่คุณสามารถไปลองโหลดมาใช้ได้

สุดท้ายสิ่งที่อยากจะแนะนำให้ข้อนี้คือเพลงดีๆ ต้องเปิดคู่กับกาแฟร้อนๆ สักแก้ว จะทำให้คุณ Productive ขึ้นเยอะเลยครับ

6. จด อย่าแค่จำ

จริงๆ ผมแชร์สุภาษิตจีนอันนี้ไว้ในหลายบทความของผมแล้ว แต่อยากจะเอามาย้ำอีกครั้งในบทความนี้นะครับ

แม้แต่หมึกที่เจือจางที่สุดก็ทรงพลังกว่าความทรงจำที่แข็งแรงที่สุด

สิ่งที่ผมทำประจำคือผมจะเขียน To do list ของวันรุ่งขึ้นในตอนเย็นหลังทำงานเสร็จเพราะในตอนนั้นสมองของผมยัง Functional อยู่ ว่าง่ายๆ คืออยู่ใน Work Mode อยู่ เวลาจะคิด วางแผน หรือลิสต์อะไรออกมา มันจะได้ครบถ้วน

แนะนำว่าเวลาช่วงนี้คือช่วงที่ดีที่สุด อย่าไปวางแผนสิ่งที่จะทำในตอนเช้า เพราะคุณพึ่งตื่นนอน พึ่งจะออกจาก Rest Mode ตอนนั้นสมองอาจจะยังไม่ Functional เต็มที่

และสิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือการไม่จด คิดอะไรได้ก็ค่อยทำ

ถ้าทำแบบนี้ รับรองว่าคุณจะลืมงานสำคัญที่คุณต้องทำ และงานคุณก็จะงอกออกมาเรื่อยๆ ทำเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ

จะจดในคอมหรือในสมุดก็ได้ อย่างของผมจะจดในแอป Notion และสมุดโน้ตส่วนตัวของผมครับ

7. สร้างพิธีกรรมทุกเช้าเย็น

พิธีกรรมไม่ใช่แบบนี้นะ

ritual not habits

พิธีกรรมมันคือ Habits หรือกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่คุณลงมือทำในทุกๆ วัน ซึ่ง Habits ที่ผมพยายามทำนั้นมีตอนเช้าและตอนเย็น

ตอนเช้า ผมพยายามจะออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ไม่เล่นมือถือ กินกาแฟหรือชาไม่ใส่น้ำตาล

ส่วนตอนเย็น ผมจะกินข้าวกับครอบครัว พยายามกินข้าวช้าๆ นั่งสมาธิ เขียนรีวิวสิ่งที่ทำวันนี้ และเขียนสิ่งที่จะทำวันรุ่งขึ้น

ซึ่งผมแนะนำว่าถ้าคุณอยากจะทำ Habits แบบนี้ ให้คุณลองเขียนมาก่อนว่า Habits ปกติประจำวันของคุณเช้าเย็นมีอะไรบ้าง จากนั้นก็พยายามเอา Habits ที่ไม่ดีออกไป และใส่ Habits ที่ดีเข้ามา

จากนั้นลอง Track Habits ที่ทำในทุกๆ วัน

ทำสิ่งดีๆ เล็กๆ ทุกๆ วัน ครบปีคุณจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าครับ

สรุป

และนี่คือ Productivity Hacks ของผมที่ผมพยายามทำมันให้ได้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ ลองเอาสิ่งที่ผมทำไปทำตามดูได้ครับ

และถ้าคุณมีไอเดีย Productivity Hacks อื่นๆ ที่น่าสนใจ เอามาแชร์ให้ผมอ่านเพิ่มเติมในคอมเมนต์ได้นะครับ 🙂

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top