ผมพึ่งมีโอกาสอ่านบทความที่ Gartner เขียนไว้ที่ว่าด้วยเรื่องของ Tech Trend ที่น่าสนใจในปี 2022 ซึ่งเขาสรุปว่าจะมี 23 เทรนด์ที่มาแน่ในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า และมี 5 เทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนในภาพรวม
บางเรื่องผมว่าคนน่าจะพอสัมผัสได้ว่ามันกำลังมา บางเรื่องนี่อ่านชื่อหัวข้อจบอาจจะสบถว่า “มันคืออะไรวะ?” เบาๆ
ทั้งนี้ผมคิดว่าทุกอันเป็นอันที่ถ้ารู้ไว้ประดับสมองก็จะดีครับ
เอาเป็นว่า เดี๋ยวมาดูกันว่ามันมีอะไรบ้าง
Note: ไม่ได้แปลมาตรงๆ ตัวนะ แล้วก็ใส่ความเห็นของตัวเองไปเยอะด้วย เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยยังไง หรือมีตรงไหนที่ผมเข้าใจผิด มาคุยกันได้ครับ 🙂
1. Smart Space
Smart Space เป็นสภาพแวดล้อมทั้งรูปแบบที่จับต้องได้และรูปแบบดิจิทัลที่คนและระบบจะเชื่อมต่อกันมากขึ้น ซึ่งตัวอย่าง Keyword สำคัญของ Smart Space นั้นได้แก่ Smart Cities Digital Workspaces, Smart Venues และ Ambient intelligence (อันนี้ผมถอดความได้ประมาณว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ จะฉลาดขึ้น เช่นถ้าในห้องฝุ่นเยอะ ระบบจะเปิดที่กรองอากาศอัตโนมัติ)
อีกกี่ปีถึงจะมา: 3-6 ปี
2. Generative AI
Generative AI คือการใช้เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ Artificial Intelligence ในการสร้างของใหม่ที่มีความคล้ายกับของเดิม เช่นการให้ AI เรียนรู้วิธีการพูดหรือสื่อสารของใครสักคน แล้วสร้างข้อมูลชุดใหม่ขึ้นมาได้เนียนจนเหมือนกับว่าคนคนนั้นมาพูดเอง
ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เรื่องนี้มาช้ากว่าที่ควรจะเป็นคือเรื่อง Deepfakes เช่นการใช้ AI เรียนรู้จากบุคคลดัง แล้วสร้างเอาสิ่งที่ AI เรียนรู้มาได้มาใช้ในทางที่ผิด
ตัวอย่างเช่น AI เรียนรู้วิธีการพูดของ Obama แล้วสร้างคลิปใหม่ขึ้นมา (ลองกดคลิปข้างบนดูได้ ผมดูแล้วแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนคือตัวจริง อันไหนคือ AI สร้างมา 😂)
อีกกี่ปีถึงจะมา: 6-8 ปี
3. Homomorphic Encryption
อันนี้เป็นอันที่ผมใช้เวลาตีความระดับนึงเลย ซึ่งเท่าที่ผมเข้าใจ Homomorphic Encryption มันจะเป็นการเข้ารหัส/ถอดรหัสชุดข้อมูลวิธีหนึ่ง ที่เจ้าของข้อมูลจะสามารถส่ง/รับข้อมูลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้โดยที่ตัวกลางไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้
ตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีนี้อาจจะเป็นประมาณนี้ครับ
ผมอาจจะอยากแชร์ข้อมูลจาก SaaS ตัวนึง ไปเก็บไว้ใน SaaS อีกตัวนึงโดยที่พวก Tracking Script หรือระบบระหว่างทาง (เช่น Anaytics Tools, Heatmapping Tools , CDP หรือแม้แต่ตัวเจ้าของ Platform) ไม่สามารถเก็บข้อมูลในส่วนที่ผมไม่ได้อนุญาตตั้งแต่ทีแรก
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกว่านี้อีกนิด (อันนี้สำหรับ Marketer สายเนิร์ด ฮา) ผมอาจจะกรอกฟอร์มให้ข้อมูลผ่าน Website ที่สร้างโดย WordPress ของแบรนด์เจ้านึง แล้วต้องการให้ข้อมูลของผมถูกส่งไปยังระบบ CRM อย่าง Salesforce ของเขา โดยที่ผมไม่ต้องการให้ Tracking ระหว่างทางเก็บข้อมูลของผมได้เลย ไม่ว่าจะเป็น Google Anaytics (Analytics Tool), Hotjar (Heatmapping Tool), Segment (CDP) หรืออะไรก็แล้วแต่
อีกกี่ปีถึงจะมา: 3-6 ปี
4. Graph Technology
Graph Technology เป็นเรื่องของการบริหารจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเน้นในเรื่องของ “ความเชื่อมโยง”
ในอนาคตการคาดการณ์และจัดการความสัมพันธ์ระหว่างชุดข้อมูลต่างๆ เช่นข้อมูลของคน องค์กร และธุรกรรมต่างๆ จะดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นเราอาจจะคาดการณ์ได้ดีขึ้นว่า คนแบบนี้ ที่ทำงานในบริษัทแบบนี้ และมักจะซื้อของเหล่านี้ น่าจะมีโอกาสเป็นลูกค้าเรา ถ้ายังนึกไม่ออก อยากให้นึกภาพถึงการทำ Lookalike Audience บน Facebook แต่เราจะเข้าใจข้อมูลเฉพาะบุคคลเยอะกว่ามากๆ
อีก Use Case ที่บทความนี้ระบุคือเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคน แล้วระบุว่าคนไหนเป็น Influencer ใน Community นั้นๆ
Note: อันนี้สำหรับเด็กสายวิศวะ ผมคิดว่าเทคโนโลยีอันนี้มันจะเป็นเหมือนวิชา Operation Research แบบ on Streroid คือเอาข้อมูลที่ทั้งเชื่อมโยงกันมาก เชื่อมโยงกันน้อย หรือดูเหมือนไม่เชื่อมโยงกันเลย มาคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต
อีกกี่ปีถึงจะมา: 3-6 ปี
5. Metaverse
จักรวาลนฤมิต… อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก หลายๆ คนน่าจะได้ยินคำนี้มาแล้ว
ในอนาคต Metaverse จะทำให้สภาพแวดล้อมของโลกดิจิทัลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงอีกครั้ง โดยที่มันจะกระจายศูนย์มากขึ้น เน้น Community มากขึ้น
ซึ่ง Gartner บอกว่า Metaverse มันน่าจะมาแหละ แต่น่าจะใช้เวลาอีกนานอยู่กว่าจะถึงขั้น Mass Adoption
ผมเคยทำคลิปเกี่ยวกับ Metaverse ไว้ ลองเข้าไปดูได้ครับ
อีกกี่ปีถึงจะมา: มากกว่า 8 ปี
สรุป
อันนี้เป็นการสรุป Tech Trend สำหรับปี 2022 แบบคร่าวๆ นะครับ
ใครอยากดูว่ามันมี Trend อะไรอื่นๆ น่าสนใจอีกบ้าง ลองดูได้จากรูปจาก Gartner ด้านล่างนี้เลยครับ
