ในฐานะผู้บริหารหรือหัวหน้า คุณคิดว่าการที่คุณจะรับพนักงานเข้ามาทำงานด้วยสักคนนึง คนคนนั้นต้องเป็นคนแบบไหน?
วันนี้ผมมีแนวคิดจาก Bill Campbell ผู้ซึ่งเป็นโค้ชให้กับผู้บริหารต่างๆ มาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Steve Jobs ของ Apple (Jobs ถึงขนาดที่ว่ากันเวลาของตัวเองทุกสัปดาห์เพื่อที่จะได้เจอกับ Bill) และผู้บริหารของ Google อย่าง Eric Schmidt, Larry Page, Sergey Brin นอกจากผู้บริหารแล้ว Bill ยังเป็นโค้ช (อเมริกัน) ฟุตบอลให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่อีกด้วย
แนวคิดเหล่านี้มีทั้งหมด 6 ข้อซึ่งในความคิดเห็นของผมนั้นมันใช้ได้หมดไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน
สิ่งสำคัญที่ Bill พูดเสมอก็คือว่าเวลามีปัญหา ให้จัดการเรื่องทีมให้เหมาะสมก่อนอย่าพึ่งจัดการปัญหา ถ้ามีทีมที่เหมาะสมแล้ว เดี๋ยวทีมนั้นแหละจะช่วยแก้ไขปัญหาเอง
Note: แนวคิดของ Bill ในบทความนี้ผมได้มาจากการอ่านหนังสือ Trillion Dollar Coach: The Leadership Playbook of Silicon Valley's Bill Campbell (ซึ่งมีให้ซื้อทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย) ถ้าอยากอ่านหนังสือที่ได้ความรู้และแง่คิดดีๆ รวมถึงอ่านสนุก ลองไปหาซื้อมาอ่านได้นะครับ
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าครับว่าคุณสมบัติพนักงานทั้ง 6 ข้อมีอะไรบ้าง
คุณสมบัติพนักงาน 6 ข้อที่บริษัทควรจะมองหา
1. Ability to Learn Fast
ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
คนที่ใช่จะต้องเป็นคนที่ “ฉลาด” ซึ่งฉลาดในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาดในเชิงวิชาการ แต่ควรจะต้องเป็นคนที่ฉลาดในการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าถึงกันได้ ถึงแม้สิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันก็ตามที (Bill ใช้คำว่า Far Analogies)
Note: ตัวอย่างของ Near/Far Analogies คือถ้าคุณต้องการออกแบบโครงสร้างทางด่วนในเมืองใหม่ Near Analogies คือการเปรียบเทียบโครงสร้างทางด่วนในเมืองที่ใกล้เคียง แต่ Far Analogies คือการเปรียบเทียบกับโครงสร้างระบบเส้นเลือดในร่างกายของคน
ในเรื่องนี้วิธีการวัดเบื้องต้นอาจจะสามารถดูได้จาก IQ Test หรือผลการเรียน (ผ่าน Resume) ถ้าให้ลงลึกลงไปอีกหน่อยก็อาจจะเป็นผ่านคำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์เช่นลองถามคำถามที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ต้องมีการเปรียบเทียบหรือประมาณการดู (เช่นอาจจะถามว่าในประเทศไทยมีการบริโภคข้าวปีละกี่ตัน เป็นต้น)
2. Willingness to Work Hard
คนที่ใช่จะต้องทำงานหนัก
มันไม่สำคัญเลยว่าคนคนนั้นจะเคยทำอะไรมา หรือคิดจะทำอะไรต่อไป แต่คนคนนั้นคิดว่าจะทำอะไรในทุกๆ วัน
ถ้าคนคนนั้นโฟกัสที่อดีต เขาก็อาจจะจมอยู่กับอดีตที่สวยงามของตัวเอง และถ้าคนคนนั้นโฟกัสที่อนาคต เขาอาจจะกำลังแค่ฝันถึงที่ยังมาไม่ถึง
สิ่งที่สำคัญใน “คนที่ใช่” คือเขาต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ ต้องเป็นคนที่รู้ตัวเองว่าต้องทำอะไร ทำงานอย่างหนัก และทำงานให้เกิด Impact
คนเหล่านี้คือคนที่เป็น Doers (นักปฏิบัติ/นักลงมือทำ)
ในความเห็นของผมคำว่า “Work Hard” ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง “Work Long (Hours)” แต่คำว่า Work Hard คือการที่คนคนนั้นทำงานอย่างตั้งใจและใส่ใจเพื่อที่จะส่งมอบงานตามที่คาดหวัง หรือเกินกว่าที่คาดหวัง
3. Integrity
Integrity ถ้าแปลเป็นไทยง่ายๆ คือการทำตัวให้ถูกต้องตามคุณธรรมและจริยธรรม (ตามบรรทัดฐานของสังคมที่คุณอยู่) ไม่ว่าจะมีคนมองอยู่รึเปล่า
ผมชอบคำอธิบายแบบลงรายละเอียดของ Integrity จาก The Balance มากๆ ครับ
เขาบอกว่า Integrity ประกอบไปด้วย
- Honesty: ความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง
- Responsibility: ความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
- Accountability: ความไว้วางใจ ไว้เนื้อเชื่อใจได้ (เมื่อมีเหตุการณ์หรือปัญหาเกิดขึ้น สิ่งเหล่านั้นจะถูกจัดการเป็นอย่างดี)
ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้จะต้องถูกแสดงออกมาอย่างสม่ำเสมอด้วย
ในตอนที่สัมภาษณ์พนักงานใหม่ การวัด Integrity นั้นเป็นเรื่องยากมากๆ แต่อาจจะพอทำได้โดยการเลือกชุดคำถามที่ถามให้ดีหรือไม่ก็ Cross Check กับที่ทำงานเก่าที่คนคนนั้นเคยทำงานอยู่ครับ
4. Grit
ความอดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค
ในชีวิตของการทำงานจริง ไม่มีใครที่จะไม่เจอปัญหา จะมากจะน้อยจะต้องเจอปัญหากับตัวงาน หัวหน้า ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงานด้วยกันทั้งนั้น
สิ่งสำคัญคือเมื่อคนคนนั้นเขาเจอปัญหา เจอแรงกดดันอยู่เรื่อยๆ เขาจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นยังไง
คนที่มี “Grit” นั้นจะหนักเอา เบาสู้ ไม่ว่าจะโดนกระแทกล้มกี่ครั้งก็จะสามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้
Grit นั้นเป็นเช่นเดียวกับ Integrity ที่วัดได้ยาก ทั้งนี้คุณก็สามารถพอที่จะวัดได้จากคำตอบของคำถามเหล่านี้ครับ
นอกจากชุดคำถามเหล่านี้แล้ว คุณสามารถ Screen เรื่อง Grit เบื้องต้นได้จากประสบการณ์การทำงานของคนคนนั้นครับ สำหรับผม (และเจ้าของกิจการ/หัวหน้าอีกหลายคนที่ผมรู้จัก) จะตัดคนที่เปลี่ยนงานบ่อยเช่นทำงานมา 3-4 ที่แต่ละที่ได้แค่ 3-4 เดือนออกไปเสมอๆ ครับ
5. Empathy
Empathy คือความสามารถในการเข้าอกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
หนึ่งในสิ่งที่คนที่ถูก Bill โค้ชพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Bill โดดเด่นคือเรื่องของ Empathy ครับ
โดยมากแล้ว สิ่งที่ Bill ทำกับคนที่เขาโค้ชให้นั้นไม่ได้เป็นการชี้นำหรือออกความเห็นในเรื่องการทำงานต่างๆ แต่เขาจะพยายามรับฟังอย่างตั้งใจ ถามคำถามให้ฉุกคิด จากนั้นถึงค่อยแนะนำและยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของเขาครับ
ว่าง่ายๆ คือเวลาทำงานนั้นคุณไม่สามารถใช้ “หัว” ในการนำทางเพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องใช้ “หัวใจ” ด้วย
ในอดีตผมเองก็เป็นคนที่ใช้หัวมากๆ เหมือนกัน แต่ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ฝึกการใช้หัวใจมากขึ้น ซึ่งผมคิดว่าทั้ง 2 อย่างไปด้วยกันได้ดีครับ 🙂
“Leading with your head is good, Leading with your heart is great but leading with head & heart is the best!”
6. Team-first Attitude
ผลประโยชน์ของทีมจะต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน
Bill แนะนำว่าวิธีการเช็คว่าคนคนนั้นเป็นคนจำพวกไหนให้ลองให้เขาเล่าเกี่ยวกับผลงานที่ผ่านมาดูครับว่าเขาจะพูดถึงตัวเองหรือพูดถึงทีมมากกว่ากัน
Sundar Pichai (CEO ของ Google) ได้เสริมอีกว่าถ้าอยากรู้จริงๆ ว่าคนคนนั้นเป็นคนยังไงให้ลองสังเกตเวลาที่เขาต้องสูญเสียหรือต้องยอมละทิ้งอะไรบางอย่าง หรือสังเกตปฏิกิริยาที่คนคนนั้นมีต่อความสำเร็จของผู้อื่นครับ
ถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่มี Me-first Attitude เพื่อนร่วมงานและบริษัทจะเป็นสมการที่สำคัญน้อยกว่าตัวเขาเองเวลาที่ตัดสินใจครับ
สรุป
และนี่คือ 6 คุณสมบัติที่คุณควรมองหาจากพนักงานของคุณ (โดย Bill Campbell) นะครับ
สิ่งที่ Bill เสริมเพิ่มเติมก็คือ
ทุกๆ บริษัทต้องการคนเก่ง แต่ไม่ได้ต้องการคนเก่งที่เหมือนกัน สิ่งที่บริษัทต้องการคือคนเก่งที่ต่างกันแต่ทำงานร่วมกันได้ดี
และเวลามองหาคน อย่ามองแค่ประสบการณ์ แต่ให้มองเรื่องศักยภาพเป็นหลัก (ดูว่าคนคนนั้นมีโอกาสเติบโตขึ้น เก่งขึ้นมากแค่ไหน)
นอกจากนั้นแล้ว เขายังบอกอีกด้วยว่า ถ้าคุณมีคนที่มีคุณสมบัติ 6 ข้อนี้ในทีมแล้ว คุณควรจะต้องพยายามรักษาคนเหล่านี้ไว้ให้ดี การมองข้ามจุดด้อยอื่นๆ ของคนเหล่านี้บ้างก็ไม่เป็นไร (Bill บอกว่าคนที่มีคุณสมบัติ 6 ข้อนี้มักจะเป็นคนที่ยาก – คุยยาก/เอาใจยาก/ดีลด้วยยาก กว่าคนปกติทั่วๆ ไปอยู่แล้ว) ที่สำคัญคือ คุณสมบัติ 6 ข้อของคนนั้นๆ ต้องโดดเด่นจริงๆ
ตาคุณแล้ว
คุณเห็นด้วยกับ 6 คุณสมบัตินี้รึเปล่า? ที่ทำงานของคุณมีคนไหนที่มี 6 คุณสมบัตินี้โดดเด่นบ้างไหม? มาพูดคุยและแชร์กันต่อได้ในคอมเมนต์เลยครับ 🙂