การเข้ามาของ Generative AI จะช่วยให้ทุกคนสามารถผลิตคอนเทนต์ได้ง่ายและเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเขียนที่ต้องใช้เวลา
ในปีนี้และปีถัดๆ ไป เราจะได้เห็นปริมาณคอนเทนต์ที่มากมายขึ้นกว่าไม่กี่ปีก่อน อาจจะเป็นหลักหลายร้อย พัน หมื่น เท่า ในขณะที่เวลาของคนทุกคนมีเท่าเดิมคือ 24 ชั่วโมงต่อวัน
ในความเห็นของผมคือ ยิ่งคอนเทนต์ผลิตได้ง่ายและมีมากขึ้นมากเท่าไหร่ ทักษะในการเขียนจะยิ่งสำคัญมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เพราะคอนเทนต์ที่คนจะเสพ จะต้องเป็นคอนเทนต์ที่โดดเด่นและแตกต่าง
ซึ่งลำพังแค่ AI นั้นไม่เพียงพอ เพราะ AI ยังขาดความเข้าใจในบริบท และการสื่ออารมณ์ทางสุนทรียะ
อยากทำคอนเทนต์ให้โดดเด่นและแตกต่าง ยังไง “คารมอันคมคาย” ของมนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เหมือนอย่างชุดเกราะของ Iron Man ที่อาจจะเป็นแค่หุ่นกระป๋องธรรมดาๆ ไม่ได้เป็น Superhero ถ้ามีแค่ Jarvis แต่ไม่มี Tony Stark อยู่ข้างใน
เหมือนอย่างผลปีศาจโกมุโกมุ ที่อาจจะเป็นแค่ผลยางยืดธรรมดา ไม่ใช่ผลปีศาจที่ช่วยให้คนกินกลายร่างเป็น “Joyboy” ถ้าคนกินไม่ใช่ลูฟี่ (เผื่อคนที่ไม่ใช้แฟน One Piece จะไม่เก็ต ขออนุญาตแนบ Reference ไว้ให้ครับ 😁)
นอกจากนั้นแล้ว ผมชอบพูดเสมอว่า บางทีเราไม่ได้เขียนเพียงเพื่อต้องการ Output ของการเขียน (เช่นบทความ) เพียงอย่างเดียว หลายๆ ครั้ง การเขียนคือการเรียบเรียงความคิด ช่วยจัดระเบียบความคิดที่ยุ่งเหยิงออกมาให้เป็นระบบ
ใครเขียนได้ดี ก็จะทำให้ลงมือทำสิ่งต่างๆ ได้ดีด้วยเช่นกัน
อย่างของผมเอง เวลาจะเริ่มต้นทำงานที่มันซับซ้อน จะเริ่มต้นอธิบายอะไรให้คนอื่นฟัง หรือจะทำสไลด์เพื่อเอาไปสอน ผมจะเร่ิมต้นจากการเขียนสิ่งที่อยู่นหัวออกมาก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้เห็นตอนจบตั้งแต่ตอนเริ่มต้นได้ ไม่อย่างนั้นระหว่างทางผมอาจจะเขียนอะไรสะเปะสะปะ มั่วไปหมด รู้ตัวอีกที เนื้อหาไม่ได้คุณภาพ หรือต้องมาแก้ไขใหม่หมดก็เป็นได้
ขายของสองบรรทัด
ซึ่งถ้าคุณเห็นด้วยและคล้อยตามเนื้อหาที่ผมเขียนทางด้านบน มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่หนังสือ “Content that sells: เขียนคอนเทนต์ให้ตรงใจ ดึงดูดคนได้ ในไม่กี่วินาที” ของ Content Shifu เล่มนี้จะเหมาะกับคุณ
ซื้อหนังสือเล่มนี้ไป แล้วมาเป็น Tony Stark ให้กับ Jarvis และชุดเกราะ Iron Man ของคุณกันนะครับ 🙂
