3 แนวคิดการทำงานที่เรียนรู้จากการวิ่ง

Featured Image self development lessons learnt from running update
running at suanlum e1534771023842
วิ่งที่สวนลุม

ต้องบอกก่อนเลยว่าโดยปกติแล้วช่วงเวลาที่ผมจะวิ่งเยอะจะเป็นตอนที่เล่นฟุตบอลซึ่งการวิ่งจะเป็นลักษณะแบบวิ่งๆ หยุดๆ สำหรับการวิ่งนานๆ ยาวๆ นั้น ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำมากนัก

ในอดีตผมเลยพยายามลองวิ่งแบบนานๆ ยาวๆ มาหลายครั้งแล้วแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้เลยสักครั้ง ความรู้สึกเหนื่อย หอบ ขี้เกียจ มักจะเข้ามาครอบงำทุกที

แต่ประมาณ 1-2 เดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสทดสอบสมรรถภาพทางกายและทางใจตัวเองอีกครั้งโดยการไปวิ่งที่สวนลุมกับที่ออฟฟิศ ซึ่งผมไปวิ่งพร้อมกับประกาศกร้าวว่า “ผมจะวิ่งให้ได้ 2 รอบ (ประมาณ 5 โล) โดยไม่หยุดพัก”

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมทำได้สำเร็จและก็เป็นการ Break Record การวิ่งของตัวเองด้วย

บางคนอาจจะคิดว่าแค่ 5 โลนี่จิ๊บๆ แต่สำหรับผมแล้ว 5 โลนี่คือ “โคตร” เยอะครับ ฮา

พอมองย้อนกลับไป ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผมวิ่งได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้มีอยู่ 3 อย่าง ในบทความนี้ผมจะมาแชร์เทคนิค 3 อย่างนี้ให้ได้อ่านกันนะครับ 🙂

3 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการวิ่ง

1. วิ่งคนเดียวไปไม่ถึงไหน อยากวิ่งไกลต้องมีคนวิ่งไปด้วยกัน

โดยปกติแล้วถ้าผมจะออกกำลังกาย ผมมักจะตื่นมาตอนเช้าและไปเข้ายิมก่อนเข้าทำงาน มันก็เลยทำให้ผมไปออกกำลังกายคนเดียว

ซึ่งผมคิดว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้การวิ่งของผมไปไม่ถึงไหนสักที

มาคราวนี้ที่สวนลุม ผมมีคนในออฟฟิศวิ่งด้วยประมาณ 4-5 คน ซึ่งมีน้องโปรแกรมเมอร์หนึ่งคนที่วิ่งในระดับความเร็วเดียวกับผม

น้องคนนี้นั้นเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทางที่คอยพูดคุยกับผมทำให้ผมไม่รู้สึกเหงาหรือไม่รู้สึกเหนื่อยไปกับการวิ่งมากนัก และในขณะเดียวกันน้องคนนี้ก็เปรียบเสมือนคู่แข่งของผมด้วย ประมาณว่า “ถ้าเอ็งไม่หยุด ข้าก็ห้ามหยุด ใครหยุดก่อนแพ้” อะไรประมาณนี้ ฮา

การมีคนที่วิ่งไปทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนทีมเดียวกันหรือว่าคู่แข่ง มันจะเป็นแรงผลักดันให้ผมไปต่อได้เรื่อยๆ

“If you want to go fast, go alone. If you want to go far, go together. – An African Proverb”

2. เป้าหมายมีไว้ซอย

“2 รอบของสวนลุม! ทำไมเป้าหมายของผมมันช่างดูยิ่งใหญ่และห่างไกลเหลือเกิน?” ในตอนเริ่มต้นที่คือหนึ่งในสิ่งที่ผมคิดครับ

ตอนเริ่มวิ่งผมเริ่มจากทางเข้าตรงซอยหลังสวน

ในช่วงแรกๆ การมุ่งเป้าไปที่ 2 รอบของสวนลุมของผมนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่ แต่พอผมวิ่งไปได้สัก 3 ใน 4 ของการวิ่งรอบแรก ผมก็เรียนรู้ถึงวิธีการหลอกตัวเองให้มีแรงฮึด

ผมจำได้ว่าถ้าผมวิ่งถึงร้านน้ำที่มีไฟอยู่เมื่อไหร่แสดงว่าผมใกล้จะวิ่งครบรอบแล้ว

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำคือผมคอยสังเกตแสงไฟที่อยู่ไกลออกไป แต่อยู่ในระดับที่ตามองเห็นได้ แล้วก็บอกตัวเองว่านั่นไงร้านน้ำเป้าหมาย อีกนิดเดียวเราก็จะถึงแล้ว ฮึดสู้อีกสักหน่อย

พอวิ่งไปถึงแสงไฟนั้น ปรากฏว่ามันเป็นที่อาบน้ำ ผมก็เลยตั้งเป้าหมายใหม่ มองตึกที่สูงขึ้นไป ถ้าผมเห็นไฟจากตึกสูงๆ คล้ายๆ กับตึกของ CIMB เมื่อไหร่ แสดงว่าผมใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว พอผมวิ่งไปใกล้ๆ ตึกนั้น ผมก็คุ้นๆ ว่าตึกนั้นน่าจะเป็น Q House มากกว่า

แต่ไม่เป็นไร Q House ก็อยู่ไม่ห่างจาก CIMB เท่าไหร่….

ว่าแล้วผมก็เริ่มมองหาแสงไฟถัดไป

การซอยเป้าหมายให้เป็นระยะใกล้ ระยะไกล ซอยมันออกมาให้ถี่ ทำให้ผมไม่หมดแรงที่จะสู้ต่อไป การเอาชนะเป้าหมายใกล้ๆ หลายๆ ครั้งติดต่อกัน ก็ทำให้ผมไปถึงเป้าหมายระยะไกลได้เหมือนกัน

“Small wins… one by one. Big win is just a few more runs.”

3. ให้รางวัลกับตัวเอง

ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผมจะสามารถกระตุ้นตัวเองให้ทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นการเอา Gamification เข้ามาช่วยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

สิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากการวิ่งครั้งนี้คือผลลัพธ์จากการลองตั้งรางวัลให้กับตัวเอง

“ถ้าผมวิ่งได้ครบ 2 รอบโดยไม่หยุด ผมจะอนุญาตให้รางวัลกับตัวเองโดยการกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างหลังจากวิ่งเสร็จ”

เมื่อผมคิดได้ดังนั้น ลมหายใจเข้าออกผมก็เลยมีอยู่แค่ 2 คำ หายใจเข้า “คิง” หายใจออก “คอง”

คิง คอง คิง คอง คิง คอง ท่องไปเรื่อยๆ ระหว่างวิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าคำสั้นๆ 2 คำนี้จะทรงพลังเหลือเชื่อ ช่วยให้ผมงัดพลังเฮือกสุดท้ายมาวิ่งให้จบได้

แต่สุดท้าย… ท่องมาตั้งนานแต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปกิน ฮา

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมคิดว่าการตั้งรางวัลให้กับตัวเองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าผมวิ่งไม่ได้ ผมก็อดกิน เลือกอะไรไม่ได้ แต่ถ้าผมวิ่งได้ ผมได้รับอนุญาตจากตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นผมมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะกินหรือไม่กิน

ถึงแม้จะไม่ได้กินเหมือนกัน แต่การเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกกับผู้ไม่มีสิทธิ์เลือก สำหรับผมแล้วมันต่างกันมหาศาลเลยล่ะ

สิ่งที่ผมเรียนรู้จากข้อนี้คือการตั้งรางวัลให้กับตัวเองนั้นเป็นเรื่องดี เพราะมันจะเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยผลักดันให้ผมสามารถอดทนได้มากขึ้นในการฟันฝ่าไปถึงเป้าหมาย

สรุป

และนี่ก็คือ 3 ข้อคิดทางธุรกิจที่ผมได้เรียนรู้มาจากการวิ่งรอบสวนลุม 2 รอบโดยไม่หยุดนะครับ

ไม่น่าเชื่อเนอะ การวิ่งกับการทำธุรกิจ 2 สิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มันกลับเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด

สุดท้ายที่ผมอยากจะฝากไว้ในบทความนี้คือ เวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วทำได้จริงมันรู้สึกดีสุดๆ ไปเลย 🙂

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top