ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อะไรที่เคยใช้ได้ผลใน 10 ปีก่อน (หรือแม้กระทั่ง 2-3 ปีก่อน) อาจจะใช้ไม่ได้ผลในวันนี้แล้วก็เป็นได้
กราฟแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานั้นสั้นลงเรื่อยๆ การเปลี่ยนผ่านจากการปฏิวัติเกษตรกรรมไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นใช้เวลาถึง 8,000 ปี แต่ระยะเวลาตั้งแต่มนุษย์โลกคนแรกไปถึงดวงจันทร์จนถึงยุคแห่งอินเทอร์เน็ต (www) นั้นถูกย่อให้สั้นเหลือเพียงแค่ 22 ปี และเทคโนโลยีต่างๆ หลังจากยุคอินเตอร์เน็ตนั้นก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตคนมากมายมหาศาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ AI, Data, Automation และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแล้ว มนุษย์อย่างเราๆ ก็ต้องรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดอีกมากมายเช่นโรคระบาด COVID ในปี 2019 หรือภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้น
คำถามที่ผมจะมาตอบในบทความนี้ก็คือ “แล้วธุรกิจจะอยู่รอดในปีถัดๆ ไปได้อย่างไร?”
ทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดได้ในปีหน้า (และปีหน้าๆ)
สร้างเทคโนโลยีใหม่สิ! ผลิตสินค้าใหม่ดูก็เข้าที! หรือจะลองมองหาลูกค้าใหม่ดี?
แนวคิดทางด้านบนก็ดูจะเป็นแนวคิดที่ดูเข้าทีแต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถเอาไปปรับใช้ได้กับคนทุกคนในทุกสถานการณ์
“สูตรสำเร็จ” นั้นไม่มีอยู่จริง
แต่ทั้งนี้มันก็พอจะมีหลักความคิดที่จะทำให้คุณ (ทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่และอยู่ในโลกของธุรกิจ) สามารถเอาไปเป็นหลักและปรับใช้ได้ครับ
สูตรที่ว่าคือ “Only the Paranoid Survive”
ทำไม Only the Paranoid Survive?
จริงๆ Only the Paranoid Survive เป็นชื่อของหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเขียนโดย Andy Grove ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งของ Intel ซึ่งผมคิดว่า “Only the Paranoid Survive” เป็นคำที่ไม่เสื่อมกระแสไปตามกาลเวลาเลย
อยากอยู่รอด จะต้องหวาดระแวงเข้าไว้!
ระแวงว่าลูกค้าจะปันใจ
ระแวงว่าคู่แข่งจะเก่งกว่า
ระแวงว่าเทคโนโลยีหรือตลาดจะเปลี่ยน
ระแวงนู่นนี่นั่น
เพราะคนหรือธุรกิจที่ระแวงอยู่เสมอจะไม่ตกอยู่ในกับดักแห่งความสำเร็จในอดีตและไม่หยิ่งผยองว่าข้าเก่ง ข้าแน่ แต่จะพยายามมุ่งมั่นและตั้งมั่นทำในสิ่งที่ดีขึ้นเสมอ
ตัวอย่างดีๆ ในยุคปัจจุบันมีให้เห็นมากมาย
ถ้า Facebook คิดว่า Social Media ที่ตัวเองมีดีอยู่แล้ว ไม่พัฒนา Messenger เพิ่ม หรือไปซื้อ Platform อย่าง Instagram หรือ Whatsapp ในวันนี้พวกเขาก็อาจจะถูก Social Media หน้าใหม่ล้มหรือตีตื้นแล้วก็ได้
หรือถ้า Google คิดว่าธุรกิจหลักของตัวเองมีแค่เรื่อง Google Search อย่างเดียว ไม่พัฒนา Service อื่นๆ อย่างเช่น Google Map, Gmail, Google Analytics ในวันนี้พวกเขาก็อาจจะพ่ายแพ้สงครามแห่งข้อมูลแล้วก็เป็นได้
หรือตัวอย่างที่ผมชอบและคิดว่าเห็นชัดคือการที่ eBay ซื้อ Paypal ซึ่งถ้าพวกเขาไม่ไปซื้อ Paypal ไว้ ในวันนี้ eBay ก็อาจจะหายไปแล้วก็ได้ (ในช่วงที่ eBay ซื้อ Paypal พวกเขาใหญ่กว่ามากๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี eBay ถดถอยลง ในขณะที่ Paypal ก้าวไปเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้าน Payment ของโลก)
สรุป
อยากรอดในโลกแห่งธุรกิจ จะต้องระแวงเข้าไว้ เพราะการระแวงจะก่อให้เกิดการปรับตัวและพัฒนา เพราะอย่างที่ Charles Darwin กล่าวไว้ว่า “สุดท้ายแล้วคนที่อยู่รอดไม่ใช้คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ปรับตัวได้ดีที่สุด”
Note: สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ใต้บทความนี้ได้คือการระแวงเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรทำ แต่สำหรับมนุษย์อย่างเราๆ การดูแลรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ มันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าธุรกิจเราไปได้ดี แต่เราไม่มีกำลังกายและกำลังใจเพื่อมองเห็นมันครับ 🙂