หลายปีก่อน ผมเคยไป TeamLab ที่ญี่ปุ่นมา แล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับ Digital Art มากๆ มันดูพิศวง แต่ก็ดูตื่นตาตื่นใจอย่างน่าอัศจรรย์
วันนี้ได้ลองมา Experience อะไรแบบนี้อีกครั้งที่งาน Digital Art Talk With Miguel Chevalier ที่จัดที่ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 Siam Paragon
แอบรู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้ Digital Art แตกต่างกับ Art ปกติคือความ Interactive นี่แหละ คือเราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานศิลปะนั้นๆ และ Co-create ผลงานบางอย่างขึ้นมาจากการปฏิสัมพันธ์ของเราได้
เวลาผมขยับตัว ตัวแสงสีก็จะขยับตามด้วย
ปกติผมจะเป็นคนไม่อินกับเรื่อง Art เท่าไหร่ แต่พอมีคำว่า Digital มาปุ๊ป ก็จะแอบรู้สึกสนใจทุกครั้ง ตามประสาคนเนิร์ด 😂
คือแบบอยากเข้าใจว่าเขาสร้าง Digital Art ชิ้นนั้นๆ ขึ้นมาด้วย Logic อะไร เช่นการหักเหของแสง การผสานกันของสเป๊กตรัม หรือมุมมองต่างๆ ของชิ้นงาน (แบบตอนเรียนวิศวะก็จะมีพวก Top View, Side View หรือ Isometric View อะไรแบบนี้)
อย่างในงานนี้ Digital Art ที่เขาเอามาโชว์มี 2 อย่างคือ
1. Kinetic Wave
ที่ทำบนจอ LED ซึ่งตัว Pattern บนจอจะมี 32 Patterns และเปลี่ยนทุกๆ 2 นาที และที่เจ๋งคือตัว Art จะเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวไปตาม Interaction ของคน เพราะฉะนั้นตัว Digital Art ที่คนแต่ละคนเห็นจะไม่เหมือนกัน ร้อยคนมา Interact กับ Digital Art ชิ้นนี้ ตัวรูปก็จะออกมาร้อยแบบ ถ้ามีล้านคน ผลที่ออกมาก็จะเป็นหลักล้านแบบ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะกรีดกราย และโบกไม้โบกมือกับตัว Kinetic Wave นี้ยังไง
2. Vortex
ที่เป็น Generative Art ที่ใช้ AI อย่าง ChatGPT มาช่วยในการสร้างสรรค์ผลงาน เพราะฉะนั้น จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน เพราะ Output จาก ChatGPT ก็จะแตกต่างไปในทุกครั้ง ซึ่ง Output ที่ว่าก็จะกลายเป็น Prompt ที่ไปสร้างงาน Digital Art ขึ้นมาต่อ
Key Takeaways
ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นงาน Digital Art แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นผมสรุป มันต้องมี Key Takeaways อะไรบางอย่างเพิ่มเติมทุกครั้ง 😂
และนี่คือ 3 สิ่งที่เรียนรู้จาก Digital Art Talk With Miguel Chevalier ครับ
1. Be the First Move
คุณ Miguel Chevalier สนใจและทำ Digital Arts มาตั้งแต่ 40 กว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยที่เครื่องมือยังไม่พร้อม เขาเริ่มก่อน เขาเลยได้เปรียบ
2. Be Consistent
คุณ Miguel Chevalier โฟกัสในการสร้างสรรค์งาน Digital Art และพยายามสร้างผลงานออกมาตลอด สุดท้ายแล้ว สิ่งจะ Beat ทั้ง Quality & Quantity ก็คือ Consistency นี่แหละครับ
3. Art + Tech = Limitless Creativity
ถ้ามีแค่ Art ตัวชิ้นงานที่ออกมาก็อาจจะไม่ Interactive มาก เช่นกัน ถ้ามีแค่ Tech ผลงานที่ออกมาก็อาจจะดูตื่นตาตื่นใจแต่เข้าไม่ถึงใจคน พอเอา Art มาผสานกับ Tech แล้ว ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ออกมาได้ตามเท่าที่จิตนาการของเรามีเลย
ตัว Digital Art นี้จะจัดแสดงอยู่ที่ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 Siam Paragon จนถึงสิ้นปี 2023 เลย ใครที่มา Siam Paragon แนะนำให้แวะมา Interact กับ Digital Arts นี้นะครับ
ขอบคุณทาง Siam Paragon อีกคร้ังที่ชวนมางานนี้ครับ
Disclaimer:งานนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Siam Paragon แต่ความเห็นทั้งหมดเป็นของผมนะครับ 🙂
