10 เทรนด์เทคโนโลยีของปี 2023

Featured Image Tech Trend 2023

Gartner ได้สรุป Strategic Technology Trend ของโลกในปี 2023 มาไว้อยู่ 10 อย่าง มีหลายๆ อันที่น่าสนใจ ซึ่งเขาแบ่งสิ่งที่ Technology ช่วยออกเป็น 3 หมวดหมู่คือ Pioneer (ริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ), Optimize (ทำของเก่าให้ดี) และ Scale (สร้างการเติบโตหรือการหา Solution ใหม่ๆ)

ผมขอเอามาสรุปความเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านกันนะครับ

เทรนด์เทคโนโลยีปี 2023

1. ความยั่งยืน (Sustainability)

เรื่องแรกที่ Gartner ไม่เอาไปใส่ไว้ใน 3 หมวดหมู่ (เพราะเป็นสิ่งที่ทุกๆ หมวดหมู่ต้องมี คือเป็น Default Mode เลย)

เรื่องของความยั่งยืน (ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม) เป็นสิ่งที่ผู้บริหารและนักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้นมากๆ

เทียบกันแล้วถือเป็นอันดับสามรองจากกำไรและรายได้เลย

ซึ่งเทคโนโลยีกับความยั่งยืนนั้นเกี่ยวกับการใช้พลังงานและทรัพยากรที่เอามาทำเรื่อง IT ให้มี Efficiency (เช่นใช้พวก Renewalble Energy หรือ AI)

เอาจริงๆ ผมคิดว่าเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบกับกำไรโดยตรงเหมือนกัน เพราะถ้าองค์กรมี Effiency มากขึ้น กำไรก็น่าจะดีขึ้น

Pioneer (ริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ)

2. เมตาเวิร์ส (Metaverse)

ตอนแรกจะเขียนคำว่าเมตาเวิร์สว่าจักรวาลนฤมิตร แต่กลัวคนจะไม่เข้าใจ 😅

Gartner บอกว่า “เมตาเวิร์สแบบสมบูรณ์” จะต้องไม่ขึ้นอยู่กับพวกอุปกรณ์และไม่ได้มีบริษัทไหนเป็นเจ้าของแค่บริษัทเดียว ซึ่งการมาของ Metaverse นั้นจะทำให้สกุลเงินแบบดิจิทัลและ NFTs มีคุณค่า

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2027 บริษัทขนาดใหญ่มากกว่า 40% ของโลกจะใช้พวก Web3, AR Cloud และ Digital Twin (การจำลองวัตถุจริงในโลกให้ไปอยู่ในโลกเสมือน) เพื่อเพิ่มรายได้

3. แอปเดียวรวมทุกบริการ (Superapps)

Superapp คือแอปเดียวที่รวม App, Platform และ Ecosystem ของพวกเขาไว้ในที่เดียว (และยังมีพื้นที่ให้ Third party มาพัฒนาแอปย่อยๆ ใน Platform ด้วย)

ถ้านึกภาพไม่ออก อยากให้นึกภาพแอปอย่าง Grab หรือ LINE

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2027 คนทั่วโลกกว่า 50% จะใช้ Superapps หลายๆ ตัวในทุกๆ วัน

4. AI ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Adaptive AI)

ระบบ Adaptive AI เป็นระบบที่จะ Train Model ของตัวเองเรื่อยๆ และปรับตัวเองโดยอิงจากข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้มา

ว่าง่ายๆ คือ Model ที่ใช้วันนี้กับที่ใช้ของวันพรุ่งนี้ ก็จะไม่เหมือนกันแล้ว ส่งผลให้คำตอบหรือผลลัพธ์ที่คุณจะได้จากการใช้ AI นั้นต่างกันไปด้วย

Optimize (ทำของเก่าให้ดี)

* ตั้งแต่ข้อนี้เป็นต้นไป ขออนุญาตไปแปลไทยชื่อหัวข้อนะครับ กลัวแปลผิด หรือแปลแล้วงงกว่าเดิม 😂

5. Digital Immune System

Digital Immune System คือการเอา Insights ที่ได้จาก Data มาใส่ไว้ในการทำ Operation การทำ Automated & Extreme Testing (การทดสอบพวก Digital Products ต่างๆ ก่อนใช้งานจริง), Automated Incident Resolution (วิธีการแก้ไขปัญหาแบบอัตโนมัติ) และรวมไปถึงเรื่อง Software Engineering เพื่อให้ระบบมีความยืนหยุ่นและมั่นคงมากขึ้น

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2027 บริษัทที่ลงทุนใน Digital Immunity จะสามารถลด Downtime (เวลาที่หยุดทำงาน เช่นเวลาที่ Server ล่ม) ได้สูงสุดถึง 80% (ซึ่งก็จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย)

6. Applied Observability

ถ้าให้อธิบาย Applied Observability ให้เข้าใจแบบง่ายๆ ผมจะอธิบายว่ามันคือ “ร่องรอยซากอารยธรรมบนโลกดิจิทัล” ประมาณว่ามีคนเคยใช้แอปหรือเทคโนโลยีนั้นๆ ยังไงบ้าง ระบบต้องมีการเป็นพวก Logs, Traces, API Calls, Dwell Time, Downloads & File Transfers ไว้ (ลองไป Search หาคำอธิบายเหล่านี้เพิ่มเติมได้ครับ)

ซึ่งจริงๆ แล้วข้อมูลพวกนี้มันก็คือ Data แหละ แต่มันอาจจะไม่ใช่ Data ที่เอาไปใช้ในการตัดสินใจต่อได้ทันที (แบบพวกการ Track ดูว่า User เข้าไปเยี่ยมชมคอนเทนต์หน้าไหนบ้าง) แต่ถ้ามีและเอามาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ จะทำให้องค์กร Take Action ได้อย่างรวดเร็ว

7. AI Trust, Risk and Security Management

ว่าด้วยเรื่องของการบริหารความเสี่ยงจากการใช้ AI

Gartner ทำการ Survey บริษัทต่างๆ ใน US, UK และ Germany แล้วพบว่า 41% ขององค์กรนั้นเคยเจอปัญหากับเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลที่เกี่ยวกับ AI

ซึ่งจากการศึกษาพบว่า องค์กรที่บริหารความเสี่ยงได้ดี จะมีโอกาสทำให้โปรเจคต์ที่เกี่ยวกับ AI ประสบความสำเร็จได้มากกว่า

ซึ่งการจะบริหารความเสี่ยงในเรื่องของ AI นั้นจะต้องมีคนจากหลายๆ ฝ่ายมาทำงานร่วมกัน

Scale (สร้างการเติบโตหรือการหา Solution ใหม่ๆ)

8. Industry Cloud Platforms

Industry Cloud Platform คือการประกอบร่างของ Software as a Service (SaaS), Platform as a Service (PaaS) และ Infrastructure as a Service (IaaS) เข้าด้วยกันเพื่อสนับสนุนในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการการสร้างธุรกิจใหม่ๆ การทำให้องค์กรมีความคล่องตัวขึ้น หรือการลดระยะเวลาที่จะปล่อยของออกไปสู่ตลาด

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2027 50% ขององค์กรจะใช้ Industry Cloud Platform ในการติดเครื่องเร่งให้กับไอเดียธุรกิจใหม่ๆ

9. Platform Engineering

Platform Engineering คือการสร้างระบบ Self-service ในองค์กรสำหรับการส่งมอบซอฟต์แวร์

จุดประสงค์ของการมีอยู่ของ Platform Engineering คือการ Optimize ประสบการณ์ของนักพัฒนา และเร่งเครื่องให้ Product Team ส่งมอบคุณค่าดีๆ ให้กับลูกค้า

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2026 80% ของบริษัทสาย Software Engineering จะสร้างทีมสำหรับการทำ Platform และ 75% ของคนกลุ่มเหล่านี้จะสร้าง Self-service Portal สำหรับนักพัฒนา

สำหรับข้อนี้ อธิบายง่ายๆ คือองค์กรต่างๆ จะสร้าง Internal Knowledge Base สำหรับนักพัฒนา

10. Wireless Value Realization

การเชื่อมต่อแบบไร้สาย (เช่น Wi-Fi, โทรศัพท์ และวิทยุ) จะถูกใช้มากขึ้น

ซึ่ง Gartner ได้ทำนายว่า ภายในปี 2025 60% ขององค์จะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5 อย่างหรือมากกว่านั้น ไปพร้อมๆ กัน

*ข้อนี้แอบรู้สึกว่าประเทศไทยมาก่อนกาล เพราะพวก Wireless Connection ของเรามันเร็วและแรงอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แฮะ

สรุป

Gartner ได้สรุปไว้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า

ใครสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ เพื่อเอามาดูว่าจะเอามาใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ยังไง

สำหรับบทความนี้ ขอจบไว้แค่นี้นะครับ 🙂

แหล่งที่มา Gartner Identifies the Top 10 Strategic Technology Trends for 2023

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top