“ปล่อยวาง และโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้” ใจความสำคัญของหนังสือ Let Them คือประโยคนี้
เนื้อหาต่างๆ ในเล่มเป็นการเอาทฤษฏี Let Them ไปประยุกต์ใช้กับเรื่องต่างๆ ของชีวิต
สิ่งที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้คือการที่เขาสามารถเอาคำแค่ 1 คำ เรื่องง่ายๆ แค่ 1 เรื่อง มาขยายความและตอบคำถามในมุมต่างๆ ของชีวิตได้อย่างน่าสนใจ
และเนื้อหาทางด้านล่างนี้คือเนื้อหาที่ผมสรุปมาให้อ่านครับ
ทฤษฏี Let Them
ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ ทฤษฏี Let Them มันคือคำว่า “ช่างแม่ง” ดีๆ นี่เอง 😂 แต่เป็นการ “ช่างแม่ง” ใน Level ที่ Soft ลงมา (ภาษาสุภาพคือปล่อยวาง) และตัวเราเองก็มีความสุขไม่ขุ่นข้องหมองใจ
ซึ่งผู้เขียนบอกให้
1. หยุดเสียเวลาชีวิตไปกับสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้
ความเครียดเกิดจากการพยายามควบคุมสิ่งที่ไม่สามารถควบคุม
ยิ่งคุณ “Let Them” ปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของเขา คุณจะยิ่งได้ไปทะเล เดี๋ยว! 😂 เอาใหม่ ยิ่งคุณปล่อยให้คนอื่นเป็นแบบที่เขาเป็น รู้สึกแบบที่เขารู้สึก คิดแบบที่เขาคิด คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาก็จะดีขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
2. หลังจาก Let Them ก็ต่อด้วย Let Me
เมื่อปล่อยให้ผู้อื่นดำเนินชีวิตตามวิถีของเขา (Let Them) แล้ว ถัดมาคือคุณจะต้องให้ฉัน (Let Me) ทำและรับผิดชอบในสิ่งที่จะทำต่อไป
คุณเป็นฝ่ายควบคุมว่าคุณจะทำอะไรต่อไป
การ Let Them & Let Me เป็นเรื่องของ Power Dynamic
- ถ้าคุณไม่ Let Them คุณจะรู้สึกด้อยกว่า ไม่มั่นคง และไม่มีอำนาจควบคุม
- ถ้าคุณทำแต่ Let Them คุณจะรู้สึกดี แต่อาจจะทำให้คุณโดดเดี่ยว
- แต่ถ้าคุณทำทั้ง Let Them & Let Me จะทำให้ชีวิตคุณสมดุล และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
* นี่มันคล้ายๆ บทความที่ผมเขียนไว้เลย เราช่างแม่ง แต่เราไม่ช่างมัน 😂 https://sitthinunt.com/self-development/how-to-not-giving-a-fuck/
เรื่องต่างๆ ที่ผมเรียนรู้จากหนังสือ Let Them
- Let Them, Let Me ช่วยให้เราจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
ผู้เขียนยกตัวอย่างมาว่า เวลาไปเดินสวนสาธารณะกับสุนัขคู่ใจของเธอ แล้วเธอเห็นคนที่พาสุนัขไปเดินเล่นอีกคนแล้วปล่อยให้สุนัขของเขาเดินพล่าน และอึไม่เป็นที่เป็นทาง ถ้าเธอไม่ Let Them เธอก็อาจจะโมโหโกรธา และเข้าไปว่า เข้าไปเตือน แต่สิ่งที่เธอทำคือ Let Them, Let Me เข้าไปเก็บอึกองนั้นให้เพราะไม่อยากให้สวนสาธารณะสกปรก จากนั้นเธอก็เอาอึกองนั้นไปละเลงที่รถของเขา (ยั้งงง อันนี้ผู้เขียนพูดเล่น ฮา)
- อย่าไปแคร์มากว่าคนอื่นจะคิดกับคุณยังไง ยังไงก็จะมีคนที่คิดลบกับคุณอยู่ดี ความคิดเห็นของคนอื่นเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ธุระของคุณ
- ผู้เขียนบอกว่าเธอใช้เวลา 2 ปี กว่าจะกล้าโพสต์เรื่องงานบน Social Media เพราะมัวแต่กังวลว่าคนจะคิดยังไง
- เวลาตัดสินใจทำอะไร สิ่งที่คุณทำมันอาจจะทำให้ใครบางคนผิดหวังกับการตัดสินใจของคุณ แต่อย่ายอมให้คนที่ต้องผิดหวังเป็นตัวคุณ
- คนแต่ละคนมีกรอบประสบการณ์ไม่เหมือนกัน เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ความเห็นของคุณก็ถูก (เมื่อตัดสินจากประสบการณ์ของคุณ) และความเห็นของอีกฝ่ายก็ถูกเช่นกัน (เมื่อตัดสินจากประสบการณ์ของเขา)
- เวลาโมโห อย่าพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เกิดขึ้น เพราะมันทำไม่ได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยมันไป งานวิจัยบอกว่าอารมณ์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นและดับไปภายใน 90 วินาที ถ้าคุณไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอารมณ์นั้นๆ
- เจ็บตอนนี้ ดีกว่าเจ็บตอนหลังแบบหนักๆ ถ้าคุณต้องตัดสินใจในเรื่องที่คุณคิดว่าถูกต้อง แต่คุณรู้แน่ๆ ว่าจะทำให้มีคนไม่พอใจ ให้คุณตัดสินใจทำมันเลย และปล่อยเขา ให้จัดการกับความรู้สึกของพวกเขาเอง สุดท้ายแล้ว ชีวิตก็จะหนทางกลับสู้เส้นทางปกติเอง
- ชีวิตไม่มีคำว่ายุติธรรม เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ใช้ความสำเร็จของคนอื่นเป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจให้คุณ
- มิตรภาพวัยผู้ใหญ่กับวัยเด็กไม่เหมือนกัน มันไม่ได้แปลกที่มิตรภาพที่เคยมีจะเจือจางหายไปบ้าง ปัจจัยสำคัญ 3 อย่างที่ทำให้เกิดมิตรภาพที่ดีเยี่ยมคือ ความใกล้ชิด จังหวะเวลา และพลังงาน อย่าไปกังวลว่ามิตรภาพในอดีตจะเจือจางลง และอย่ากังวลที่จะสร้างมิตรภาพใหม่ๆ
- วิธีที่ดีในการสร้างมิตรภาพคือเป็นฝ่ายเปิดก่อน ลุยยย เดี๋ยว 😂 เปิดก่อนในที่นี้คือเปิดการสนทนาก่อน ยิ้มและทักทายผู้คน และให้เวลากับมันสัก 1 ปี และสิ่งสำคัญคือต้องสร้างมิตรภาพอย่างไม่คาดหวังว่าจะได้อะไรจากสิ่งนี้
- คนจะเปลี่ยนเมื่อพร้อม ไม่ใช่เมื่อถูกบังคับ วิธีการทำให้ความเปลี่ยนแปลงที่ดีคือสร้างอิทธิพลบวกให้เขาดู (ทำเป็นตัวอย่างให้ดู) ถ้าเคยมีปัญหาที่ว่าอยากให้เขาเปลี่ยนแต่เขาไม่เปลี่ยน ให้ใช้ ABC Loop (+DE) คือ
A – Apologize: ขอโทษที่กดดัน และถามคำถามที่ปลายเปิดเกี่ยวกับเรื่องที่คุณอยากให้เปลี่ยน
B – Back off: ถอยออกและสังเกตพฤติกรรม
C – Celebrate ชื่นชมความก้าวหน้า แม้เพียงเล็กน้อย
ถ้าความเปลี่ยนแปลงไม่เกิด ถัดมา
D – Decide: ตัดสินใจว่าเรื่องนี้จะทำให้ความสัมพันธ์จบลงหรือไม่
E – End: จบ เลือกเอาว่าจะจบความสัมพันธ์หรือจบการบ่นของคุณ
- “ช่วย” ไม่เท่ากับ “อุปถัมภ์” การช่วยที่แท้ทรูคือการอยู่เคียงข้างโดยที่ไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาให้แทน และถ้าเป็นเรื่องเงิน อย่าให้เงินโดยไม่มีเงื่อนไข (ความเห็นส่วนตัว ไม่ให้เลยดีกว่า ไม่งั้นจะเสียทั้งเงิน และเสียทั้งเพื่อน ให้ Offer ความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน)
- ยิ่งเสียเวลาวิ่งไล่ตามคนที่ไม่ใช่นานเท่าไหร่ คุณต้องยิ่งใช้เวลาในการตามหาคนที่ใช่นานขึ้น ปล่อยให้คนที่ไม่ใช่หายไปจากชีวิตของคุณ และให้คุณเดินหน้าต่อไป
- “เวลา” ไม่อาจเยียวรักษาแผลใจได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่คุณทำกับ “เวลา” นั้นช่วยคุณได้
สรุป
บทสรุปของหนังสือเล่มนี้คือยอมรับและปล่อยวางในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และโฟกัสในสิ่งที่ควบคุมได้อย่างการกระทำและความรู้สึกนึกคิดของคุณเอง
มา Let Them, Let Me กันครับ!
ขอบคุณทาง Amarinbooks อีกครั้งสำหรับหนังสือครับ ตามไปจัดกันได้ที่นี่