หลายๆ คนอาจจะคิดว่า งานต่างๆ ที่ทำ เมื่อต้องทำให้มันน้อยลง (ปริมาณน้อยลงหรือสั้นลง) จะทำให้ทำงานง่ายขึ้น
แต่ในความเป็นจริง มากมักจะง่าย แต่น้อยที่แหละที่มักจะยาก
พอไม่มีเวลาหรือปริมาณเป็นข้อจำกัด การจะบอก เล่า หรือทำอะไรบางอย่างให้ครบและครอบคลุมเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ
แต่เมื่อเวลาหรือปริมาณจำกัด การบอกหรือการทำทั้งหมดนั้นมันทำไม่ได้ สุดท้ายคือต้องเลือกตัด เลือกทอน เหลือแต่สิ่งที่เพียงพอกับเวลาหรือปริมาณนั้นจริงๆ
ตัวอย่างเช่น ช่วงเดือนก่อนที่ผมไปพูดที่งาน TRUE Digital Academy แล้วมีเวลาพูดเรื่อง Skill of The Future (ที่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ) แค่ประมาณ 15 นาที ตอนแรกผมคิดมาได้ประมาณ 10 สกิล แต่สุดท้ายก็ลดทอนเหลือแค่ 3 สกิล และพยายามลงรายละเอียดใน 3 เรื่องนั้นให้ดี
หรือตอนช่วงต้นปีที่ได้โจทย์จากทางทีม Creative Talk ให้ไปขึ้นพูดงาน CTC Forecast ในเรื่อง Marketing Trends ที่ทำถามมีอยู่แค่ 2 ข้อคือ 1. Marketing ปีที่แล้วมีอะไรน่าสนใจบ้าง 2. Marketing ปีนี้ปีหน้ามีอะไรน่าสนใจบ้าง คำถามสั้นๆ แต่คำรำพันในหัวยาวเลย คำถามสั้นๆ ที่เป็นปลายเปิดแบบนี้ มันยากกว่าคำถามที่เฉพาะเจาะจงมากๆ
หรือถ้าจะต้อง Pitch งานลูกค้า การ Pitch แบบ Elevator Pitch ความยาว 60-90 วินาที มันก็ยากกว่าการ Pitch เป็นเวลา 1 ชั่วโมงแน่ๆ เพราะการทำให้คนฟังเข้าใจ Value Proposition ที่เรามีภายในระยะเวลาสั้นๆ นั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย
หรือถ้าไปถามคนในวงการโฆษณา ผมเชื่อว่าทุกคนก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำหนังโฆษณา 15 วินาทีนั้นมีความยากกว่าโฆษณายาว 3 นาที เพราะหนังโฆษณา 3 นาทีนั้นมีโอกาสให้คลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราว และปล่อยหมัดเด็ดได้มากกว่า
อย่างที่บอกในชื่อหัวข้อเลยว่า สั้นยากกว่ายาว และเวลาจะเริ่มฝึกฝน ผมคิดว่าเราไม่ควรเริ่มจากของสั้น
ผมคิดว่าการทำของสั้นให้ดี ต้องเคยลองทำของยาวให้ดีมาก่อน
ถ้าเราเริ่มจากของสั้นก่อน เราอาจจะไม่รู้ว่าอะไรคือเปลือก อะไรคือแก่น แล้วอาจจะทำผิดพลาด เอาเปลือกมาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในสิ่งที่เราจะทำก็ได้ครับ
การทำของยาวจะทำให้เราภาพรวม ภาพใหญ่ของเรื่องที่เราจะทำ และรู้จักลำดับความสำคัญ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำของสั้น เราจะสามารถตัดเปลือกให้เหลือแค่แก่นได้
ยิ่งทำเรื่องยาวได้ดีเท่าไหร่ เรื่องสั้นเราก็จะทำได้ดีมากขึ้นตามกัน
