การที่คุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ แสดงว่าคุณอยากจะรู้ว่าในปีนี้ดวงเรื่องงานของคุณจะเป็นอย่างไรกันแน่
ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่าผมไม่ใช่หมอดูดวงมืออาชีพที่จะช่วยทำนายทายทักดวงเรื่องงานให้กับคุณได้อย่างแม่นยำ 100% แต่ผมเป็นหมอดูการกระทำ
จากประสบการณ์ การเฝ้า และการคอยสังเกต ผมพบว่าใครก็ตามที่อยู่ในราศีทางด้านล่างนี้จะมีเกณฑ์ไปรุ่งกับหน้าที่การงาน ไม่ใช่เฉพาะของปีนี้ แต่เป็นปีถัดๆ ไปด้วยครับ
ถ้าอยากรู้ว่าราศีไหนมีดวงเรื่องงานบ้าง ตามมาอ่านทางด้านล่างได้เลยครับ
7 ราศีที่มีแววรุ่งในเรื่องหน้าที่การงาน
1. ราศีที่มี Growth Mindset
HBR ได้อธิบายไว้ว่าคนที่มี Growth Mindset เป็น “Individuals who believe their talents can be developed (through hard work, good strategies, and input from others)” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ คือคนที่เชื่อว่าพรสวรรค์และความสามารถของพวกเขาสามารถพัฒนาได้ (ผ่านการทำงานหนัก แผนที่ดี และ Input จากคนอื่น)
ตรงกับข้ามกับ Fixed Mindset ที่เป็น “those who believe their talents are innate gifts” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ คือคนที่เชื่อว่าพรสวรรค์และความสามารถของพวกเขาเป็นความสามารถโดยธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว
ผมเองเคยเจอมาทั้ง 2 แบบ
มีคนนึงที่เข้ามาในบริษัทใหม่ๆ ยังเป็นคนที่ไม่ได้เก่งมาก (แถมยังอายุพอสมควรแล้วด้วย) แต่เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือพยายามถามหา Feedback แทบจะทุกครั้ง
มีคนอีกแบบที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว รู้แล้ว ทะนงตัว แทบจะไม่หาวิธีคิดและพัฒนา และแทบจะไม่เคยขอ Feedback จากสิ่งที่ตัวเองทำ เวลาผ่านไปคนแบบนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม
ราศีที่มี Growth Mindset จะได้โชคลาภที่เกิดจากโอกาสและความสามารถผสมกัน
ป.ล. ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุขนาดนั้น ผมเคยเจอคนที่อายุเยอะที่มี Growth Mindset มากๆ และเจอคนอายุน้อยที่มี Fixed Mindset มากๆ มาแล้วทั้ง 2 อย่าง ซึ่งเรื่องนี้สามารถคัดกรองได้เบื้องต้นจากการทำงานร่วมกันเบื้องต้นในช่วง 3-4 เดือนแรกครับ
2. ราศีที่หมกมุ่นกับอะไรเป็นพิเศษ
“คุณมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ?” หรือ “เวลาว่างคุณชอบทำอะไร?”
คนที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้โดยที่มีตาเป็นประกายออกมาจะมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
ยิ่งคุณสามารถนำเรื่องที่หมกมุ่นมาเชื่อมโยงกับเรื่องงานได้มากแค่ไหน ยิ่งดี
เช่นถ้าคุณทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ ความหมกมุ่นของคุณอาจจะเป็นเรื่องของการสร้างเว็บไซต์ หรือทดลองใช้เครื่องมือออนไลน์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
หรือถ้าคุณทำงานที่เกี่ยวข้องกับการขาย ความหมกมุ่นของคุณอาจจะเป็นเรื่องจิตวิทยา การทำความเข้าใจผู้คน หรือการพูด การสอนในที่ต่างๆ
นอกจากนั้นแล้วเรื่องบางเรื่องมันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องงาน เป็นเรื่องส่วนตัว หรือเป็นเรื่องที่คุณทำเพื่อแค่ผ่อนคลาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าผสมผสานอย่างถูกต้อง สิ่งที่คุณสนใจเป็นการส่วนตัวหรือทำเพื่อแค่ผ่อนคลายนั้นสามารถเอามาใช้กับเรื่องงานได้อย่างกลมกลืน
เช่นถ้าคุณเป็นนักเที่ยว ถ่ายรูปเก่ง ตัดต่อคลิปวีดีโอเก่ง คุณอาจจะเอาความสามารถที่คุณมีมาช่วยบริษัททำ PR ให้ดีขึ้น
หรือถ้าคุณชอบเขียนบทความ แชร์เรื่องราวต่างๆ ในพื้นที่ส่วนตัว คุณก็อาจจะเอาความสามารถที่คุณมีมาช่วยเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ในงานของคุณ
ถ้าคุณลองสังเกตดู คนที่ก้าวหน้าในการงานส่วนใหญ่ มักจะต้องมีเรื่องบางเรื่องที่พวกเขาหมกมุ่นอยู่แน่ๆ และพวกเขาก็หลอมรวมมันเข้ามาให้ใช้ประโยชน์กับการทำงานได้ดีจริงๆ
ราศีที่หมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง มีเกณฑ์ดี เพียงแต่ต้องหมกมุ่นให้ถูกทาง
3. ราศีที่มีคิดเผื่อ
ผมชอบตัวอย่างนี้ของคุณวินทร์ เลียววาริณมากครับ
กษัตริย์แต่งตั้งข้าราชการคนใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูง แล้วข้าราชการคนเก่าไม่พอใจเลยไปถามกษัตริย์ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ขึ้น
กษัตริย์ไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มรับ
อยู่มาวันหนึ่ง ระหว่างแล่นเรือ มีเสียงสัตว์ร้อง กษัตริย์ก็เลยสั่งให้ข้าราชการคนเก่า ไปดูว่าเป็นเสียงร้องของอะไร
ข้าราชการคนเก่าวิ่งไปดูและกลับมาตอบกษัตริย์ว่าเป็นเสียงร้องของแมว
กษัตริย์ถามต่อว่าแมวสีอะไร ข้าราชการก็วิ่งกลับไปดูอีกครั้ง แล้วเอากลับมาตอบว่าเป็นแมวสีน้ำตาล
กษัตริย์ถามคำถามกับข้าราชการคนนี้อีก 4-5 ครั้งจนได้ข้อมูลที่พอใจ
จากนั้นกษัตริย์ไปเรียกข้าราชการคนใหม่ที่พึ่งได้ขึ้นตำแหน่งมาแล้วสั่งด้วยคำสั่งเดียวกัน (ไปดูว่าเป็นเสียงร้องของอะไร)
ข้าราชการคนใหม่วิ่งไปดูเพียงครั้งเดียวและกลับมาด้วยข้อมูลโดยละเอียดยิ่งกว่าที่ข้าราชการคนเก่าตอบกลับมา…
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าบอก 1 ได้ 1 มันก็พอใช้ได้แหละ แต่จริงๆ แล้วคนที่มี Input สามารถคิดเผื่อถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะไปได้ดีกว่าคนที่รอแต่คำสั่งมาก
ในความเห็นของผมคนทุกคน ตำแหน่งทุกตำแหน่ง สามารถมี Input และสามารถคิดเผื่อได้ด้วยกันทั้งนั้น
ตัวอย่างที่ผมเคยเจอกับตัวเองคือน้องในทีมคนหนึ่งถูกมอบหมายให้ไปหาสถานที่จัดงานอีเวนต์
ตอนที่น้องคนนี้กลับมาเล่าเรื่องสถานที่ น้องเขาไม่ได้หามาแค่สถานที่ แต่เขายังวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย ราคา รีวิว และข้อมูลเพิ่มเติมที่แต่ละสถานที่ให้มาให้ผมฟังอีกด้วย
คนที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานจะต้องไม่ใช่คนที่บอก 1 ได้แค่ 1 แต่ควรจะเป็นบอกแค่ 1 แต่ได้ครบถ้วน
ราศีที่คิดเผื่อ และได้ความเชื่อ และความมั่นใจจากหัวหน้างาน
4. ราศีที่ให้ Value มากกว่าที่รับ
Gary Vee เคยกล่าวไว้ว่า “If you provide value more than you take, you will be valuable”
ถ้าคุณสามารถสร้างคุณค่าได้มากกว่าที่คุณจะได้รับ คุณจะกลายเป็นคนที่มีคุณค่า
วิธีการในการเช็คดูว่าคุณสร้างคุณค่ามากกว่าที่คุณได้รับจากบริษัทรึเปล่าคือใช้วิธีคิดแบบ “3 เท่า” ครับ
ความหมายก็คือคุณควรที่จะส่งมอบคุณค่า ส่งมอบงานให้กับบริษัทให้มากกว่า 3 เท่าของเงินเดือนของคุณ
สาเหตุที่ผมตีกลมๆ ง่ายๆ แบบนี้ออกมาเพราะว่า
1. ถ้าคุณส่งมอบคุณค่าได้เท่าๆ กับที่บริษัทจ่ายเงินเดือนให้คุณ บริษัทจะขาดทุนเพราะบริษัทมีรายจ่ายอื่นๆ ที่แฝงมากับการจ้างคุณด้วย (เช่นประกันต่างๆ การฝึกอบรม การสันทนาการ และอื่นๆ)
2. ถ้าคุณส่งมอบคุณค่าได้เป็น 2 เท่ากับที่บริษัทจ่ายเงินเดือนให้คุณ บริษัทจะเท่าทุน เพราะคุณค่าที่คุณมอบให้เพิ่มเข้ามานั้นจะเพียงช่วย Cover รายจ่ายอื่นๆ ของบริษัท
3. ถ้าคุณส่งมอบคุณค่าได้เป็น 3 เท่ากับที่บริษัทจ่ายเงินเดือนให้คุณ บริษัทจะเริ่มมีกำไร และนั่นคือการส่งมอบคุณค่าของคุณ
ผมขอยกตัวอย่างวิธีการตีมูลค่าของคุณค่าง่ายๆ นะครับ เช่นถ้างานของคุณเป็นงานเกี่ยวกับการออกแบบ และสมมุติว่ามูลค่าเฉลี่ยของการออกแบบ Artwork 1 ชิ้นคือ 1,000 บาท และเงินเดือนของคุณคือ 25,000 บาท งาน Artwork ที่คุณส่งมอบแล้วจะทำให้คุณสร้างคุณค่ามากกว่าคือ 25,000 x 3 / 1,000 = 75 ชิ้นต่อเดือน
หรือถ้างานของคุณไม่ได้ถูกคิดเป็นชิ้นหรือไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของบริษัท (อันนี้จะเกิดขึ้นบ่อยกับตำแหน่ง Back Office เช่น HR, Finance, IT Support หรือ Admin) ให้ลองคิดในมุมประสิทธิภาพหรือรายจ่ายที่ทางบริษัทจะประหยัดเพิ่มเติมได้มากขึ้นจากงานของคุณก็ได้ครับ
ราศีที่ให้ Value มากกว่าที่รับ จะหยิบจับอะไรก็สำเร็จ
ป.ล. การสร้าง Value ให้มากกว่ารับ ไม่ใช่การ Give โดยไม่ Take เลยนะครับ บริษัทเองก็มีหน้าที่ที่ต้องให้เงิน สวัสดิการ ความปลอดภัย และหลักประกันความเสี่ยงอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ Value ที่คุณมอบให้ด้วย ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าคุณ Give ไปโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ผมแนะนำให้เดินออกมาครับ ดวงของคุณและของที่บริษัทคงจะไม่สมพงศ์กันครับ 🙂
5. ราศีที่สร้าง Healthy Workplace Environment
คำว่า “Healthy Workplace Environment” ในความหมายของผมคือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี
ซึ่งคำว่าดีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนพึงพอใจ หรือชิว (ทั้งนี้การสร้างสภาพแวดล้อมแบบนี้อาจจะเหมาะ ถ้างานของคุณคืองานพาคนไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ) แต่หมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานให้คนสามารถสนุกกับงานได้ ทำให้เพื่อนรอบข้างมีพลังบวกมากขึ้น เก่งขึ้น เชื่อมั่นในกันและกันมากขึ้น และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ได้มากขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับคนที่อยากอยู่ในราศีที่สร้าง Healthy Workplace Environment คือต้องระวังการกระทำที่เป็น Toxic ซึ่งคำว่า Toxic นี้ไม่ได้หมายถึงแต่การพูดลบๆ คิดลบๆ และทำให้คนรอบข้างคิดลบตามเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการมองทุกอย่างเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ ทำให้ทุกคนรู้สึกพอใจ แต่งานต่างๆ ออกมาแย่ด้วย
ราศีที่สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี จะมีหน้าตาที่สดใสไม่เศร้าหมอง พร้อมรับสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามา
6. ราศีที่รู้บริบท
“บริบท” คือการรู้ว่าในเวลาไหนควรหรือไม่ควรที่จะทำอะไร ซึ่งเอาจริงๆ คือผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ยากเพราะบริษัทแต่ละที่ก็มีการรับรู้บริบทที่แตกต่างกันไป
เช่นบางบริษัทอาจจะให้คุณค่ากับการทำงานล่วงเวลา ใครกลับเร็วทุกวันถือว่าไม่โอเค ในทางกลับกัน บางบริษัทอาจจะให้คุณค่ากับการทำงานในเวลาให้เต็มที่ ใครกลับดึกบ่อยๆ แสดงว่าทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
จากประสบการณ์ของผม (และจากที่ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนอีกหลายๆ คน ทั้งจากบริษัทใหญ่และบริษัทเล็ก) พบว่าอายุและประสบการณ์ในการทำงานช่วยได้ในเรื่องของการเข้าใจบริบท
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณทำถูกบริบทของที่ทำงานของคุณรึเปล่า ผมแนะนำให้คุณลองหยิบยกตัวอย่างไปพูดคุยกับหัวหน้าของคุณดูว่าหัวหน้าคิดอย่างไรหรือวัฒนธรรมของบริษัทเป็นอย่างไร คุณจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกมากขึ้น
ราศีที่รู้บริบท ผู้ใหญ่เห็นก็นึกรัก เด็กเห็นก็เคารพ
7. ราศีที่ตรงกับ Culture ของบริษัท
นอกเหนือจากการทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีแล้ว การที่คุณทำในสิ่งที่ตรงกับ Culture ของบริษัทก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งแต่ละบริษัทนั้นมี Culture ต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่นบริษัทของผม Magnetolabs ได้มีการกำหนด Culture ผ่าน Core Value 4 ข้อได้แก่ Excellence, Learning, Big Picture และ Ownership
Excellence – ต้องพยายามทำงานออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถตัวเองจะทำได้
Learning – ต้องเป็นคนที่ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ และพัฒนาตัวเองเสมอๆ
Big Picture – ต้องเป็นคนที่มองเห็นภาพรวม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างกลมกลืน
Ownership – ต้องมีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในงานที่ทำ ไม่เช้าชามเย็นชาม
ยิ่งใครที่สามารถแสดง Culture ผ่าน Core Value ออกมาได้ชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่จะเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งคุณต้องลองไปศึกษา Culture ของบริษัทของคุณดูว่าเป็นแบบไหน และคุณสามารถทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างสม่ำเสมอรึเปล่า
ราศีที่ตรงกับ Culture ของบริษัท เงินตราและงานจะสะพัด ไหลเข้ามาเทเข้ามา
สรุป
และนี่คือ 7 ราศีที่มีแววรุ่งในเรื่องหน้าที่การงานนะครับ
ผมคิดว่าคุณน่าจะพอเห็นภาพมากขึ้นว่าคนแบบไหนที่จะไปได้ดีกับหน้าที่การงานของตัวเองนะครับ
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้คือ วันนี้ได้ดูดวงเรื่องงานเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมเอาดวงที่ได้มาไปผูกไว้กับการกระทำของคุณด้วยนะครับเพราะไม่ว่าหมอดูจะแม่นขนาดไหน ถ้าคุณไม่ลงมือ สิ่งที่คุณอยากได้ก็จะไม่เกิดครับ
ขอให้ดวงของคุณและของบริษัทที่คุณทำอยู่สมพงศ์กันนะครับ 🙂
แถมท้าย
การที่คุณได้เข้ามาอ่านบทความที่ผมเขียนบทความนี้และอ่านมาถึงจุดนี้ ดวงของเราอาจจะสมพงศ์กัน บริษัทของผมเปิดรับทีมงานที่มีราศี 7 ข้อข้างบนเพิ่มเติมอยู่หลายตำแหน่ง สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลยครับ