วิธีการแต่งตัวออกงานให้ดูดีสำหรับผู้ชาย (โดยที่ไม่ต้องพยายามมากเกินไป)

Featured Image dressing for men

“การแต่งตัว” เป็นหนึ่งในวิธีการสร้าง Impression ที่ง่ายสุดในเวลาทำงาน

Underdress ไป คุณอาจจะถูก Judge ล่วงหน้า

เช่นเดียวกัน Overdress ไป คุณก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัด

ในโพสต์นึ้ ผมจะขอมาแชร์วิธีการแต่งตัวไปงานต่างๆ สำหรับผู้ชาย + ไอเทมที่ควรมีติดตัวไว้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเจอลูกค้า ไปอีเวนต์ หรืองาน Networking ต่างๆ

รับรองว่าแต่งง่าย และราคาไม่แรงเกินไป มีชุดหลายๆ แบบได้

วิธี + ไอเทมการแต่งตัวไปทำงาน/ออกงานแบบง่ายๆ สำหรับผู้ชาย

เสื้อด้านใน (200-1000 บาท)

  • ถ้าอยากได้ความไม่เป็นทางการเกินไป เสื้อยืดสีแบบ Plain เป็น Option ที่โอเคมากๆ
  • ถ้างานที่จริงจังมาหน่อย ก็เป็นเสิ้อเชิ้ต สี Plain ผมว่าสีขาว ฟ้า ดำ คือควรมี และถ้าไม่ได้ใส่ไทด์ อยากแฟชั่นหน่อย ให้เว้นการติดกระดุมเม็ดบนไว้

ซื้อจากแบรนด์ไหนดี?

  • สำหรับเสื้อสีอ่อน ผมแนะนำ GQ เพราะมันสะท้อนน้ำได้ วันไหนมีงานสังสรรค์แล้วผมอยากใส่เสื้อสีอ่อนไป ผมจะใส่ GQ ทุกครั้ง เผื่อคนอื่นเมาแล้วทำหกใส่เสื้อเรา (โอเค เอาจริงๆ ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเราทำตัวเอง 😅)
  • ส่วนสีโทนเข้ม ผมมักจะซื้อของ Uniqlo เพราะมี Color Range กับ Style ให้เลือกหลากหลายกว่า ล่าสุด Yuedpao ออก Collection ใหม่มาที่มีหลายสี หลายไซส์ ก็น่าสนใจ
  • สำหรับเสื้อเชิ้ต บางคนที่อยากได้แบบพอดีตัวมากๆ อาจจะสั่งตัด แต่ผมไม่ตัดเพราะคิดว่ากางเกง/สูทสำคัญกว่า

กางเกง (800-3,000 บาท)

  • สำหรับงานที่ไม่ทางการมาก ใส่เป็น Slack หรือ Jeans ก็ได้ (ผมว่ากางเกงขา 5 ส่วนที่ขาพอดีๆ กับ Jeans แบบ Slim Fit เป็น Option ที่โอเค ขาบานอาจจะแต่งตัวยาก และถ้าขา Skinny มากๆ ก็จะแน่นไป)
  • งานไม่ทางการ สีกางเกงไม่ต้องเหมือนสีสูท/Blazer ก็ได้ แต่ถ้าจะให้ง่ายและดูดี ให้สีมันตัดกัน เช่น กางเกงขาว + สูทน้ำเงิน สูทครีม + กางเกงน้ำตาล

ซื้อจากแบรนด์ไหนดี?

  • สำหรับกางเกง ถ้าเอาแบบง่ายๆ ผมชอบกางเกง 5 ส่วนของ Uniqlo ที่สุด เพราะมันเป็นกางเกงที่มีเอวแบบยืด (Relax Pant) ได้
  • ถ้าจะเอาให้พอดีตัว ก็ไปตัดเอา เอาแบบที่ทำให้หลวม/แน่นขึ้นได้โดนไม่ต้องใช้เข็มขัด แบบนี้ผมว่าเท่กว่า สำหรับร้านแนะนำ ขอไปแนะนำที่เสื้อด้านนอกทีเดียวเลย

เสื้อด้านนอก (1,000-15,000 THB)

  • เสื้อนอก Range ราคากว้าง เพราะเป็นได้ตั้งแต่เสื้อเชิ้ตถึงสูท
  • ถ้าอยากแต่งสบายๆ ก็ใส่เสื้อยืดข้างในและใส่เสื้อเชิ้ต หรือเสื้อคลุม
  • ถ้างานทางการหน่อยก็ใช้สูท ซึ่งถ้าตัดเอาจะดูดีกว่ามากๆ หรืออาจจะซื้อแบบสำเร็จก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องให้เขาแก้ให้พอดีกับตัวเรา
  • เดี๋ยวนี้ผมไม่แยกระหว่าง Suit กับ Blazer (คล้ายๆ สูท แต่ทางการน้อยกว่า) แล้ว คือใช้วิธีตัดสูทและใช้ Mix and Match ไปเลย มันง่ายกว่า
  • เวลาใส่สูท เวลานั่งให้ปลดกระดุมเสมอ และเวลายืนให้ติดกระดุมเสมอ อันนี้ผมพลาดบ่อยเลย เวลายืนบางครั้งก็ชอบลืมติดกระดุม 😅 และสุดท้ายสำคัญมาก Always leave the bottom button undone (ยกเว้น Double-breasted Suit – ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นยังไง ให้ดูสูทในหนังเรื่อง Kingsman)
  • วิธีการ Mix & Match เสื้อด้านนอกกับด้านใน ท่าที่ง่ายที่สุดเลยคือให้สีตัดกัน ถ้าข้างในเข้ม ข้างนอกอ่อน ถ้าข้างนอกอ่อน ข้างในเข้ม

ซื้อจากแบรนด์ไหนดี?

  • สำหรับเสื้อคลุม/เสื้อเชิ้ตแบบไม่เป็นทางการ ปกติผมจะซื้อจาก Uniqlo เป็นหลักเลย (สัก 90%) อาจจะมีไปซื้อแบรนด์อื่นบ้างตามโอกาส แต่ไม่เยอะ
  • ส่วนสูท เดี๋ยวนี้ผมซื้อกับทาง Suitcube ทุกตัว ผมว่า Price-performance ดีมากๆ ปกติผมซื้อทั้งแบบตัดใหม่ทั้งเสื้อและกางเกงทั้งหมด (10,000-15,000 บาท/ชุด) และสูทสำเร็จและให้เขาแก้ให้ (4,000-5,500 บาท/ชุด) ถ้าสูทสำเร็จผมจะเลือกสี Standard แต่ถ้าสั่งตัด ผมจะสั่งตัดอันที่มีลูกเล่นหน่อย

ถุงเท้า (100-300 บาท)

  • ผมคิดว่าถุงเท้าที่เหมาะสำหรับใส่ออกงานมีอยู่ 2 แบบ 1. ถุงเท้าที่หุ้มแค่เท้า (ไม่ต้องหุ้มข้อ) 2. ถุงเท้าแบบยาวไปเลย
  • ถ้าเป็นถุงเท้าหุ้มแต่เท้า จะเป็นสีไหนก็ได้ แต่ปกติผมจะชอบสีเข้ม เพราะเปื้อนยากกว่า
  • ถ้าเป็นถุงเท้าแบบยาว ควรจะเป็นถุงเท้าที่มีสีตัดกับกางเกง หรือถ้าจะให้แฟชั่นหน่อยก็ให้มีลวดลายบ้าง การใส่ถุงเท้าแบบนี้จะเหมาะกับงานที่ค่อนข้างทางการ
  • แบบอื่นๆ ที่หุ้มข้อหรือแบบที่ยาวขึ้นมาหน่อย จะไม่เอามาใส่ออกงาน หรือไปงานอีเวนต์ ยิ่งใส่ขึ้นเวทีแล้วต้องนั่งเก้าอี้คุยยิ่งไม่ดี

ซื้อจากแบรนด์ไหนดี?

  • สำหรับแบรนด์ถุงเท้า ที่ผมชอบที่สุดก็ยังคงเป็น Uniqlo ที่คุณภาพดี มีแบบให้เลือกหลากหลาย

รองเท้า (2,000-7,000 บาท)

  • มีรองเท้า 2 แบบที่ควรมีติดตู้ไว้ 1. รองเท้าหนัง 2. รองเท้าผ้าใบ
  • รองเท้าหนังที่ผมใช้บ่อยๆ จะเป็นแบบ Penny Loafer เพราะเป็นแบบที่จะใส่ในงานที่ทางการหน่อยก็ได้ หรือไม่ทางการก็ได้ อันที่ใช้บ้างสำหรับงานที่ทางการก็จะเป็นแบบ Oxford ซึ่งสีที่ผมแนะนำให้มีติดตู้ไว้คือสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเป็นสีที่ Mix & Match กับชุดง่ายที่สุด ถ้าไปงานทางการบ่อยๆ มี Oxford สีดำไว้ก็ดีเหมือนกัน
  • รองเท้าผ้าใบ สีที่ผมใช้บ่อยคือขาวล้วน (หรืออาจจะมีลายผสมบ้าง) ซึ่งรองเท้าผ้าใบจะช่วยลดดีกรีความเป็นทางการลง ทำให้ดูโปร แต่ในขณะเดียวกัน ยังดู Relax ด้วย

ซื้อจากแบรนด์ไหนดี?

  • สำหรับรองเท้าหนัง ผมชอบของ Mango Mojito (4,000-7,000 บาท) เพราะเป็นแบรนด์ไทยที่ออกแบบรองเท้ามาให้เข้ากับสรีระของคนไทย ผมใช้แบรนด์นี้มาเป็นสิบปีแล้ว รองเท้าอยู่ได้นานมากๆ (อาจจะมีสีตกบ้าง ก็เอากลับไปให้เขาทำสีได้) เขาชอบลดเรื่อยๆ ถ้าเข้าไปช่วงเทศกาลจะเจอลดแบบ 10-30% ก็มี
  • ส่วนรองเท้าผ้าใบ พวก On หรือ Adidas อะไรแบบนี้โอเค ผมชอบ On The Roger สีขาว และ Adidas รุ่น Stan Smith ครับ ใส่แล้ว Classic และ Match ได้กับชุดทุกแบบ

กางเกงใน (200-300 บาท)

  • เหมือนจะไม่สำคัญ แต่โคตรสำคัญ โดยเฉพาะเวลาที่ใส่กางเกงสีอ่อน ถ้ากางเกงในไม่เอื้อ กางเกงอาจจะเลอะได้ ผมเคยเป็นมาแล้ว ใส่กางเกงสีน้ำตาลอ่อน และไปเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นเวที 3 นาที ตอนกลับมาพูดให้คนฟังเป็นร้อยๆ คนฟัง ตอนพูดแรกๆ ที่สมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
  • ถ้าวันไหนผมใส่กางเกงสีอ่อน ผมจะใส่กางเกงในไข่เย็นของ GQ ซึ่งไม่ใช่เพราะมันทำให้ไข่เย็น แต่มันออกแบบมาช่วยให้ปัสสาวะได้ง่ายกว่ากางเกงในแบบปกติ (ไม่รู้จะพูดยังไงไม่ให้ 18+ ขอละไว้แค่นี้ และไปลองเอาแล้วกันนะครับ 😂)

Accessories อื่นๆ

  • Pocket Square เป็นไอเทมที่มีติดตัวไว้ใช้กับสูท (ใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อสูทด้านบน) ทำให้ตอนแต่งตัวมีลูกเล่นมากขึ้น ผมมีเป็นสิบชิ้นเลย ทั้งแบบเรียบๆ และแบบลาย ปกติผมชอบซื้อใน Shopee/Lazada ราคาไม่แพงครับ อันละหลักสิบบาทเอง
  • Necktie ก็ควรมีเก็บไว้เผื่อใช้กับงานแบบทางการ (เดี๋ยวนี้ผมใส่ไทด์น้อยมากๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่งานเลี้ยงหรืองานแต่ง จะรู้สึกว่า Overdress) ซึ่งไทด์มีทั้งแบบเรียบๆ กับแบบที่มีลายก็ได้ แต่อาจจะไม่ฉูดฉาดเท่า Pocket Square
  • เข็มขัดมีไว้สัก 1-2 เส้นก็ดี หลังๆ ผมจะไม่ค่อยได้ใช้เพราะชอบใส่กางเกงแบบที่มัน Flexible (Relax Pants) และถ้าใส่กางเกงกับสูท จะใส่กางเกงที่ตัดมา/แก้มา พอดีตัว
  • สายเอี๊ยม (Shoulder Straps) มีเผื่อไว้ 1-2 เส้น เผื่อกางเกงที่ใส่กับสูทมันหลวมจริงๆ ใส่เอี๊ยมดูดีกว่าใส่เข็มขัด
  • น้ำหอม – ตามชื่อเลย ทำให้ตัวไม่เหม็น ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนชื้น ถ้าเหงื่อแตกขึ้นมา อาจจะตัวเหม็นได้

ตัวอย่าง Professionals ที่แต่งตัวดีๆ ที่ผมชอบ

  • พี่แดน ศรมณี – ผมอยากให้ทุกคนได้ไปเจอพี่แดนตามงานต่างๆ มากๆ คือพี่เขาจะใส่สูท Mix & Match ได้อย่างน่าสนใจมากๆ ครับ คือเรียบหรูดูดีมีลูกเล่น
  • พี่สน เจ้าของ Suitcube – ที่ไม่ว่าจะงานทางการหรืองานบ้านๆ ก็แต่งตัวได้ดีตลอด คือวันที่พี่เขาแต่งตัวแย่ที่สุด ยังดูดีกว่าวันที่ผมพยายามแต่งตัวแล้วเลย 😂 แต่ก็นะ… มันอาชีพพี่เขา ผู้ชายขายสูท

สรุป

ผมคิดว่าการแต่งตัวที่ดี ช่วยเพิ่มและสร้างโอกาสหลายๆ อย่างเลยนะ

ดังที่สุภาษิตกล่าวไว้ว่า The First Impression is the Last Impression – ความประทับใจแรกคือความประทับใจสุดท้าย

ถ้าการแต่งตัวที่ดีมันเพิ่มความประทับใจ และเพิ่ม Probability ให้มีโอกาสชนะมากขึ้นได้ ผมก็จะพยายามทำนะ (โดยที่ไม่ฝืนตัวเองเกินไป)

และดังที่สุภาษิตอีกอัน (ทำไมเจ้าบทเจ้ากลอน 😂) กล่าวไว้ว่า Content is King, Context is Queen – คอนเทนต์คือราชา บริบทคือราชินี

ถ้าเรามีความสามารถ (Content) ที่ดี การพูดจา/การแต่งตัวที่ดี (Context) ก็จะช่วยขับความสามารถของเราให้เด่นขึ้น

มาแต่งตัวให้ดี (โดยที่ไม่ต้องพยายามมากไป) กันนะ! 🙂

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top