13 สิ่งที่ได้จากการนั่งฟัง Session & สัมภาษณ์ Dr. Andrew Ng ศาสดาด้าน AI & Education ระดับโลก (เนื้อหาอ่านสบายๆ ไม่ Technical มาก)
- Andrew พูดว่า “I do have hope for Thailand and I hope you do too” (จำรูปประโยคเป๊ะๆ ไม่ได้ แต่ความหมายแบบนี้เลย) เขาเชื่อมั่นและมีความหวังกับประเทศไทยมากๆ และเขาเองก็อยากให้เราเชื่อมั่นเหมือนกัน
- เขายกอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่น่าจะเอา AI ไปประยุกต์ใช้ได้ดีมา 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ Tourism, Healthcare & Agriculture ใครอยู่สายนี้ โอกาสในประเทศไทยในเรื่องเหล่านี้ มีมากกว่าใน US ด้วยซ้ำ ควรเอา AI ไป Leverage ให้ดีๆ
- AI = New Electricity เมื่อร้อยปีก่อน ไฟฟ้าเปลี่ยนโลกยังไง วันนี้ AI ก็กำลังเปลี่ยนโลกอย่างนั้น
- Technology & Application แตกต่างกัน ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพ AI = Technology ส่วน Chatbot, Social media Feed, Medical Devices คือ Application สิ่งที่ควรจะถูกกำกับดูแล (Regulate) ไม่ใช่ Technology อย่าง AI แต่เป็นเรื่องของ Application
- Ai สามารถเข้าไปมีส่วนช่วยในหลายๆ Layer ของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Hardware (เช่นใน NVIDIA, Intel หรือ AMD), Cloud (เช่น AWS, Google Cloud & Azure), AI Tools (เช่น OpenAI, Anthropic & LandingAI) และ Applications (เช่น Workhelix, Bearing.ai, Meeno และอื่นๆ อีกมากมาย) อย่าไปจำกัดการใช้งานแค่สิ่งที่เป็น Surface เราสามารถเอา AI ไปช่วย Enhance สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาได้เช่นกัน
- AI จะไม่ได้มา Automate Jobs (เช่นตำแหน่ง Digital Marketer) แต่จะมา Automate Tasks (เช่นการเขียน Copywriting)
- แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น คนทำานเองก็มีความเสี่ยงที่จะโดน AI Disrupt อยู่ดี
- แต่คุณ Andrew ก็พูดประโยค Classic เหมือนที่ทุกๆ พูดกันว่า AI ไม่ได้จะมาแทนที่คน แต่คนที่ใช้งาน AI จะมาแทนที่คนที่ไม่ได้ใช้ เพราะฉะนั้นคนที่มีความเสี่ยงกับการโดน AI Disrupt จริงๆ คือคนที่ไม่รู้จักใช้งาน AI
- มีแค่ AI อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมี Industry Expertise ด้วยเช่นเดียวกัน คนที่เก่ง AI ไม่ได้เก่งเรื่อง Banking นี่เลยเป็นเหตุผลที่เขาจับมือร่วมกับ KBTG AI + Industry Expertise will make you Skyrocket
- ขนาดศาสดาอย่าง Andrew ยังต้องตามหา Partner แล้วเราล่ะเป็นใคร ที่จะลุยเดี่ยว (มาหา Partner กัน!)
- อนาคตของการใช้งาน AI คือ AI Agentic Workflow ว่าง่ายๆ คือเราไม่ได้ทำ Zero-shot Prompting หรือคือการเขียน Prompt เสร็จแล้วคาดหวังว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันจะยอดเยี่ยม AI Agentic Workflow คือกระบวนการที่ใช้ AI คิด ค้นคว้าหาข้อมูล สร้าง และแก้ไข วนไป ถ้าทำแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาจะดีกว่า Zero-short Prompting แบบเยอะมากๆ
- ความ Humble เป็นเรื่องสำคัญ ตอนไป Exclusive Q&A ที่ Andrew โดนยิงคำถาม ซึ่งหลายๆ คำถามเป็นเรื่องที่ยาก และออกนอก Domain Expertise ของเขา สิ่งที่เขาพูดก่อนตอบคำถามเลยคือ “I don’t know” แล้วถึงค่อยแสดงทรรศนะ ซึ่งผมคิดว่านี่คือ Trait ที่สำคัญมากๆ ของการเป็นคนเก่ง คนเก่งจะรู้ว่าตัวเองรู้อะไร และไม่รู้อะไร (พี่กระทิงพูดติดตลกตอนสัมภาษณ์ว่า คนที่รู้ มักจะชอบบอกว่าตัวเองไม่รู้ ส่วนคนที่ไม่รู้ มันจะบอกว่าตัวเองรู้เยอะ 😂)
- การเรียนรู้เรื่อง AI ก็เหมือนกับการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ อย่าคาดหวัง Overnight Success การที่เราตั้งใจเรียนรู้เรื่อง AI ในช่วง Weekend แล้วคาดหวังว่าจะเก่งเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากๆ ทุกๆ คนที่คุณ Andrew รู้จักที่เก่งเรื่อง AI เขา Develop Learning Habits หรือการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาทั้งนั้น คือไม่ต้องโหมกระหน่ำเรียนข้ามคืน แต่ค่อยๆ เรียน ค่อยๆ เก็บไป ถ้าเราเก่งขึ้นทุกวัน วันละ 1% จบปี เราจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น 37.78 เท่า (James Clear)
ในชีวิตของผม นอกจากนักบอลเก่งๆ แล้ว คนที่จะทำให้ผมต้องไปยืนต่อคิวขอถ่ายรูปด้วยก็คงเป็นคนแบบนี้แหละมั้ง 😂
หวังว่าจะมีประโยชน์ครับ 🙂