ฉันจะผอมลง
ฉันจะเก่งขึ้น
ฉันจะทำนู่นนี่นั่นสำเร็จ
กี่ปีกี่หนแล้ว ที่คุณตั้ง New Year’s Resolutions ไว้ แต่เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ คุณก็หลงลืมมันไป รู้ตัวอีกทีก็ท้ายปี ที่ถึงเวลาตั้ง New Year’s Resolutions ปีถัดไปแล้ว
ตั้งเป้าอย่างดี >> ตั้งใจ (ว่าจะทำ) >> ลืมทำหรือขี้เกียจ >> งั้นเลื่อนไปก่อนแล้วกัน
4 ลูปนรกนี้ วนกันไปเรื่อยๆ ทุกปี
ในบทความนี้ ผมจะมาแชร์ 5 สิ่งต้องห้าม ถ้าอยากจะทำ New Year’s Resolutions ให้สำเร็จ มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ!
1. มีแต่คุณภาพไม่มีปริมาณ
ฉันจะผอมลง ฉันจะเก่งขึ้น ฉันจะ…. อะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นเป้าหมายในเชิงคุณภาพที่วัดผลไม่ได้ ไม่ดีกับการตั้ง New Year’s Resolutions
อะไรที่วัดผลไม่ได้ ก็ทำให้สำเร็จไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคำว่าสำเร็จนั้นวัดยังไง
ผมแนะนำให้ลองทำเป้าหมายทุกอย่างให้เป็นเป้าหมายเชิงปริมาณ คือมีตัวเลขกำกับในทุกอัน เช่นฉันจะลดรอบเอวจาก 33 ให้เหลือ 31 หรือฉันจะสอบ Certification เกี่ยวกับความรู้ทางด้านดิจิทัลให้ได้ 2 ใบ เป็นต้น
2. ตั้งเป้ายากๆ
ดังคำพูดของ Bill Gates ที่เคยกล่าวไว้ว่า “Most people overestimate what they can do in one year and underestimate what they can do in ten years.” หรือแปลเป็นไทยคือคนส่วนใหญ่ประเมินตัวเองสูงเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำได้ใน 1 ปี และประเมินตัวเองต่ำเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำได้ใน 10 ปี
เพราะฉะนั้น ในความเห็นของผม การตั้ง New Year’s Resolutions นั้นควรจะท้าทาย แต่ต้องไม่ยากจนเกินไป
ถ้าปัจจุบัน คุณได้คะแนนสอบ IELTS อยู่ที่ 4 การตั้งเป้าให้ตัวเองทำให้ได้ 8 หรือ 9 เลย อาจจะยากไป ลองตั้งเป็น 6 หรือ 7 ก่อนก็อาจจะดีกว่า
ถ้าปัจจุบัน คุณมีมวลไขมันในร่างกาย 30% การตั้งเป้าให้มวลไขมันลดลงเหลือ 20-25% ก่อน อาจจะดีกว่าการไปตั้งเป้าว่าต้องมี Six Packs (ซึ่งต้องมีไขมันแค่ 10% ต้นๆ)
ถ้าเป้ายากไป แล้วคุณเดินไปไม่ถึงไหนสักที คุณอาจจะท้อซะก่อน
3. มีแต่แผนยาวๆ
ตั้งเป้าทั้งปีไว้ พอสิ้นปีค่อยมาวัดผลกันอีกที
ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ทำแบบนี้อยู่ มีโอกาสสูงมากๆ ที่คุณจะทำมันได้ไม่สำเร็จ เพราะ 1 ปี หรือ 365 วันเป็นช่วงเวลาที่ยาวมากๆ
ผมแนะนำให้ตั้งเป้ารายปีไว้ แล้วซอยเป้าให้เล็กลง จากที่ผมเคยทำมา ผมพบว่า “3 เดือน” เป็นช่วงเวลาที่ยาวเพียงพอที่คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน และสั้นเพียงพอที่จะทำให้คุณไม่ลืมมันไป
การตั้งเป้าหมาย ถ้าอยากทำให้สำเร็จต้อง “ซอยให้สั้น แต่ขยันทำ”
4. จำแต่ไม่จด
ดังสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “The faintest ink is more powerful than the strongest memory” (แม้แต่หมึกที่เจือจางที่สุดก็แข็งแรงกว่าความทรงจำที่แข็งแกร่งที่สุด)
ไม่ว่าคุณจะมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าแค่ไหนตอนที่คุณตั้ง New Year’s Resolutions ถ้าคุณไม่จด ไม่เขียนมันออกมา มันก็เหมือนกับการที่คุณสลักสิ่งที่คุณอยากทำไว้บนผืนทราย ที่รอวันที่ลมจะพัดมันปลิวหายไป
การจดในที่นี้จะใช้ Spreadsheet หรือจะจดใส่สมุดก็ได้
อย่างของผมเอง หลังจากที่แตกย่อยแผนของผมออกเป็นราย 3 เดือนแล้ว ผมก็ใช้ Spreadsheet ในการจดบันทึกทุกอย่างไว้ และก็เข้าไปอัปเดตเรื่อยๆ หลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์
5. ฝัน แต่ไม่ลงมือทำ
ข้อนี้เป็นข้อที่ชัดเจน
ถ้าคุณอยากมีกล้าม คุณนั่งเฉยๆ กล้ามของคุณก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นมาเอง
ถ้าคุณอยากได้ปรับเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่ง คุณนั่งเฉยๆ หัวหน้าหรือทีมของคุณก็ไม่เห็น Contribution ที่คุณทำ
ถ้าคุณมัวแต่ฝัน คุณนั่งเฉยๆ สุดท้ายคุณก็ทำได้แค่ฝันกลางวัน
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ “การลงมือทำ”
ลองเอาเทคนิคในข้อก่อนหน้านี้ 4 ข้อของผมไปปรับใช้ดู ผมรับรองว่าการลงมือทำของคุณจะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
อีกวิธีที่ช่วยได้คือ ลองหาเพื่อนหรือกลุ่มเพื่อนที่มี Growth Mindset แล้วแชร์ New Year’s Resolutions ของตัวเองให้กันและกัน จากนั้นอาจจะสร้าง Group LINE ขึ้นมาเพื่ออัปเดตการทำ New Year’s Resolutions เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นแรงผลักดันให้กันและกันก็ได้ครับ
และสุดท้าย เมื่อพูดถึงเพื่อนแล้ว ถ้าคุณอยากได้เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ ในการทำ New Year’s Resolutions ให้สำเร็จ และทำให้ชีวีตของคุณ Productive ขึ้น ผมพึ่งเขียนหนังสือเล่มใหม่ชื่อว่า “Productivity Flow” ขึ้นมา
ในหนังสือเล่มนี้ ผมได้รวบรวมแนวคิด เฟรมเวิร์ค เทคนิคและวิธีการในการเพิ่ม Productivity ทั้งในเรื่องงาน การเรียนรู้ สุขภาพ และชีวิต เพื่อทำให้สิ่งต่างๆ “Flow” หรือว่าไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมในปีหน้า ไปกด Pre-order ได้ที่เพจของสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย ที่ https://bit.ly/3C1f9tY (เมื่อคลิก คุณจะถูกส่งไปยัง Facebook Messenger ของสำนักพิมพ์อะไรเอ่ย) เลยครับ [หนังสือจัดส่งช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป]
ผมขออวยพรให้คุณทำ New Year’s Resolutions ในปีหน้าได้สำเร็จตามที่คุณตั้งเป้าไว้นะครับ
มาทำชีวิตให้ Flow ขึ้นกันครับ 🙂