รู้ไหมครับว่า ถ้าคุณสร้างนิสัยที่ดีเพียงแค่วันละ 1% เมื่อครบ 1 ปี คุณจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 37.78 เท่า
นิสัยเล็กๆ ที่คุณคอยทำอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วันจะค่อยๆ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ในบทความนี้ผมจะมาแชร์ Daily Schedule เครื่องมืออันแสนทรงพลังที่จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นในทุกๆ วัน
เกริ่นก่อนว่า Daily Schedule ก็เหมือนการกำหนดชีวิตประจำวันตอนเด็กๆ ของเรา สมัยประถม-มัธยม โรงเรียนจะกำหนดเวลาเรียนแต่ละวิชา แต่ละคาบเรียน รวมถึงเวลาพักเบรกช่วงต่างๆ มาให้ สิ่งนี้ทำให้การเรียนของเราเป็นไปอย่างลื่นไหลตลอดวัน ดังนั้น หากนำมันมาปรับใช้กับชีวิตในปัจจุบัน ผมว่า ก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง และน่าสนใจมากอันหนึ่งเลยทีเดียว
1. จัดลำดับความสำคัญของ ‘คุณค่า’
นิยามคุณค่าที่คุณให้ความสำคัญ ดูว่า อะไรคือคุณค่าที่สำคัญมากที่สุด? อาจจะเป็นครอบครัว เพื่อน สุขภาพ หรือการทำงานก็ได้ครับ คำตอบนี้ไม่มีผิด-ถูก ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน
โดยที่ต้องทำแบบนี้ก่อนก็เพราะเวลาที่วาง Daily Schedule ลงไป คุณจะได้ให้น้ำหนักกับด้านนั้นมากที่สุด หรือพูดง่ายๆ ว่า วางแผนให้มันล้อไปกับ Personal Vision, Mission & Value เพื่อที่คุณจะสามารถ achieve เป้าหมายได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
2. ใช้เทคนิค MIT (Most Important Task)
ลิสต์สิ่งที่ต้องทำทั้งหมดในแต่ละวันลงไป จัดลำดับความสำคัญเช่นเดียวกับข้อก่อนหน้า จากนั้น นำกิจกรรมที่สำคัญไปทำในช่วง Peak hours
คุณอาจสงสัยว่า แล้ว Peak hours คือช่วงไหน?
จริงๆ คำถามนี้ก็ตอบยากอยู่ประมาณหนึ่งครับ Productivity curve ของแต่ละคนนั้นต่างกัน อย่างผมทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเช้า ในทางกลับกัน เพื่อนของผมอาจจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงบ่าย แนะนำว่า ให้ค่อยๆ ฝึกสังเกตพฤติกรรมของตัวเองแล้วลอง match งานกับระดับพลังงานแต่ละช่วงเวลาดู
3. แบ่งสล็อตเวลาสำหรับสิ่งกวนใจ
ปิดแจ้งเตือนต่างๆ ที่คอยกวนสมาธิคุณระหว่างทำงาน หยุดพฤติกรรมการทำงานไปเช็กอีเมลไป แบ่งออกมาให้ชัดเจนเลยว่า จะเช็กอีเมลช่วงไหน? และก็อย่าลืมบอกกับเพื่อนร่วมงานด้วยนะครับ เผื่อในกรณีที่พวกเขามีเรื่องด่วนจะได้ติดต่อกันไม่ยาก
อ่านเพิ่มเติม: [แชร์ประสบการณ์] วิธีการเลิก “เสพติด Facebook” ได้อย่างจริงจัง
4. แบ่งสล็อตเวลาพักเบรก
ในเว็บไซต์ Huffpost ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า การพักเบรกช่วยปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
บางครั้งสมองของคนเราก็ต้องการหยุดพัก การเอาแต่คร่ำเคร่งไม่ส่งผลดีต่อทั้งร่างกาย และผลผลิต ฉะนั้น หากทำงานตรงหน้าเสร็จ ผมอยากให้คุณแบ่งเวลามาพักสัก 10-15 นาที ถึงแม้มันจะดูเสียเวลาอยู่พอสมควร แต่ลองคิดกลับกัน หากคุณตะบี้ตะบันทำต่อไป สมองยิ่งล้ากว่าเดิม จากที่จะเสร็จในเวลาเท่านี้ คุณอาจต้องเสียเวลานานกว่าเดิมหลายเท่าเลยก็ได้ครับ
5. หลีกเลี่ยงการ Multitasking
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า การ Multitasking ที่จะดูเหมือนช่วยเพิ่ม productivity ของงานให้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันกลับไปลด productivity ลงถึง 40% ต่างหาก
เพราะเวลาที่คุณสลับไป-มาระหว่างกิจกรรมหรืองาน สมองต้องเปลี่ยนโฟกัสบ่อย จากที่ทำได้เร็วขึ้นก็กลายเป็น ‘ช้ากว่าเดิม’ แถมบางครั้งยังมี Attention Residue ความคิดที่ตกค้างจากงานก่อนหน้าพ่วงมาด้วย
สรุป
ถึงแม้การทำ Daily Schedule จะทำให้คุณต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่ก็เป็นการลงทุนทางเวลาที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะมันช่วยทำให้เราเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดียิ่งขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หยุดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง และนอกจากนี้ยังลดความเหนื่อยล้าจากการที่จะต้องตัดสินใจหลายๆ ครั้งใน 1 วันได้เป็นอย่างดี
นิสัย และกิจวัตรที่ดีสร้างไม่ง่าย แต่ถ้าตั้งใจ รับรองว่าสร้างได้!
ปล. ผมเคยแชร์เรื่องการสร้างนิสัยที่ดีเอาไว้ในบทความก่อนหน้าด้วย ถ้าคุณสนใจ เข้าไปอ่านกันได้นะครับ 👉 สร้างนิสัยให้ดีขึ้นด้วยกฏ 4 ข้อจากหนังสือ Atomic Habits
ตาคุณแล้ว
เล่าวิธีการกันมายาวเหยียด คราวนี้ก็ถึงทีคุณแล้ว! เข้าไปปรับแต่ง และทำ Daily Schedule ในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันต่างๆ กันได้เลยครับ
เทมเพลตในเว็บไซต์
– Canva
– Visme
– On Planners
– Crello
– Fotor
– Timecap
เครื่องมือในแอปพลิเคชัน