หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวมเคสการตลาดที่น่าสนใจกว่า 100 ตอนที่จะช่วยจุดประกายไอเดียการทำการตลาดใหม่ๆ ให้กับคุณ
ถ้าเอาทั้ง 100 ตอนมาสรุปในคอนเทนต์นี้มันน่าจะยาวเกินไป จริงๆ เคสดีทุกอันเลย แต่ผมอยากหยิบเอา 9 ตอนที่ผมชอบมาแชร์เป็นน้ำจิ้มให้คุณได้ชิมลางก่อนนะครับ
ถ้าสนใจ จะได้ไปหามาอ่านต่อครับ
ขอบคุณคุณหนุ่ย การตลาดวันละตอน ที่รวบรวมเคสดีๆ และใส่สรุปความคิดตัวเองให้คนอ่านได้ไปตกผลึกต่อตอนท้ายครับ 🙂
9 บทเรียนการตลาดช่วยให้ขายดีขึ้น
1. Close Sell If You Can Close The Gap
ร้านขายยาอย่าง Raia Drogasil ในบราซิล อยากให้ลูกค้าชั้นดีที่เป็น Baby Boomer ดาวน์โหลดแอปเพื่อสั่งยาผ่านแอป แต่ประเด็นคือคนกลุ่มนี้ไม่ Tech Savvy และยังไม่เคยลอง/ไม่กล้าลองสั่งยาผ่านแอปมาก่อน
Raia Drogasil เลยใช้วิธีง่ายๆ อย่าการจ้างวัยรุ่นมาสอนลูกค้ากลุ่มนี้ที่หน้าร้าน ส่งผลให้พวกเขาได้ยอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 1 ล้านดาวน์โหลด และยอดขายมากขึ้นถึง 29%
สาเหตุที่ชอบ: บางทีการทำการตลาดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีก็ไม่ต้องมีอะไร Fancy เพียงแค่คิดถึง Customer Experience ให้มากๆ และพยายามปิด Gap ระหว่างคุณกับลูกค้าด้วยวิธีการง่ายๆ ก็เพียงพอแล้ว ยิ่งง่าย ยิ่งดี!
2. Life Extending Stickers
Makro ในโคลอมเบีย เจอปัญหา Food Waste ซึ่งกว่า 40% ของ Food Waste เป็นผักและผลไม้
พวกเขาก็เลยใช้วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลด Food Waste ไปพร้อมๆ กับเพิ่มกำไรด้วยการติด Sticker เพื่อบอกว่า ผักและผลไม้ไหนที่ยังกินได้อยู่ (และบอกด้วยว่าสีประมาณนี้ควรเอาไปทำเมนูไหน) และอันไหนไม่ควรกินแล้ว
ทำแบบนี้ปุ๊ป ทำให้พวกเขายืดอายุการขายผักและผลไม้ไปได้อีก 6 วัน และลด Food Waste ได้ถึง 70 ตัน
สาเหตุที่ชอบ: กรณีศึกษานี้เป็นกรณีศึกษาที่ดีมากๆ ที่ทั้งเพิ่มยอดขายและรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า 2 สิ่งนี้มันไปพร้อมกันได้อย่างกลมกลืนและมีประสิทธิภาพ ถ้าเรามีความคิดสร้างสรรค์มากพอ
3. Rescue of the S
บริษัทเครื่องดื่มมีฟองอย่าง Tres Cruces ได้ออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่ที่มาพร้อมสโลแกน Disfrute ที่แปลว่าความสุข
แต่ตอนขึ้นเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ พวกเขาดันพิมพ์ว่า Difrute แทน กว่าจะรู้ตัว เครื่องดื่ม 300,000 กระป๋องก็ถูกส่งไปวางขายแล้ว
แทนที่จะเรียกคืนสินค้า พวกเขาทำ Campaign ตามหา S ที่หายไป
ใครเจอกระป๋องที่ตัว S หายไป สามารถส่งไปลุ้นรางวัลที่ขึ้นต้นด้วยตัว S เช่น SUV, Smart Watch หรือ Scooter ได้
Campaign นี้ทำให้พวกเขาขายเครื่องดื่มทั้ง 300,000 กระป๋องหมดโดยใช้เวลาไม่นาน
สาเหตุที่ชอบ: เคสนี้คือการพลิกความผิดพลาดเป็นโอกาสของแท้ ผมมั่นใจว่าพวกเขาได้ทั้งยอดขายและได้พื้นที่สื่อไปเยอะมากๆ แน่ๆ ครับ
4. Shift + K + F + C
KFC อยากที่จะจับลูกค้ากลุ่มที่เป็น Gamer เพราะคนกลุ่มนี้เวลาเล่นเกมเป็นเงินเป็นทอง อาหาร Fast Food เลยเป็นอาหารที่เหมาะมากๆ กับคนกลุ่มนี้
ถ้าใครเล่นเกมผ่านคอมจะรู้ว่า Key ลัดบน Keyboard สำคัญมากๆ ใครใช้คล่องจะทำให้เพิ่มโอกาสในการชนะมากขึ้น (จำได้เลยว่าเมื่อก่อนผมกด B31 และ B82 อยู่บ่อยๆ ใครเข้าใจเรื่องนี้ แสดงว่าเราอยู่ในยุคเดียวกัน 😂 ถ้าใครไม่เข้าใจ จะบอกว่าอันนี้คือ Shortcut สำหรับการซื้อปืนและเกราะสำหรับเกม Counterstrike ครับ)
KFC เลยผุด Campaign การสั่งอาหารจาก Shortcut โดยที่ลูกค้าแค่ต้องไปลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเว็บ KFC ว่าการกด Shortcut จะสั่งเมนูอะไรบ้าง จากนั้นเวลาจะสั่ง ลูกค้าแค่กด Shift + K + F + C ก็จะสามารถสั่งเมนูต่างๆ ที่เลือกไว้ได้อัตโนมัติ
Campaign นี้ทำให้ยอดขาย KFC เพิ่มขึ้นถึง 19% เลยทีเดียว
สาเหตุที่ชอบ: เคสนี้พวกเขาเข้าใจคนเล่นเกมแบบสุดๆ ผมมั่นใจว่าหนึ่งใน Agency ที่คิด Campaign นี้ต้องมีพวกติดเกมอยู่ด้วยแน่นอน 😂 คือถ้าเราเอาหลักการนี้ไป Apply กับ Target อื่นๆ ของเราด้วย ผมว่ามันสามารถช่วยให้เราเพิ่มยอดขายได้โดยไม่ได้ต้องทำอะไรยากๆ เลยนะ
5. Intersport แจกส่วนลดที่ยากและท้าทาย
Intersport คือร้านขายอุปกรณ์กีฬาในฝรั่งเศส ซึ่งพวกเขาจะมอบส่วนลดให้กับคนที่มาซื้อ ถ้าเขาสามารถวิ่งระยะทาง 1 กิโลเมตรได้ภายในระยะเวลา 5 นาทีครึ่ง
สาเหตุที่ชอบ: อะไรที่ได้มาง่ายๆ มันมักจะไม่มีคุณค่าครับ ผมคิดว่าใครก็แล้วแต่ที่ตัดสินใจวิ่ง ถ้าทำสำเร็จ พวกเขาน่าจะมีโอกาสเดินไปซื้อสินค้าต่อสูงมากแน่ๆ ครับ
จริงๆ เทคนิคแบบนี้มันมีชื่อเรียกอยู่ ชื่อว่า Foot-in-the-door technique คือขอน้อยๆ ก่อน (ขอให้วิ่ง) แล้วค่อยขอให้มากขึ้น (ขอให้ซื้อ)
6. Hungerithm
Snickers ขนมแท่งชื่อดังได้ทำ Campaign Hungerithm ซึ่งคอนเซปต์คือ “คุณไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาหิว” ขึ้นมาเนื่องจากทีมการตลาดเห็น Insights ว่าชาวเน็ตหลายๆ คนหัวร้อนง่าย ไม่พอใจอะไรนิดหน่อยก็โพสต์ด่า
พวกเขาก็เลยใช้ Social Listening จับคำที่คนมักชอบใช้เวลาหัวร้อน แล้วเอาคำเหล่านั้นมาทำเป็นส่วนลด
ยิ่งหัวร้อนเท่าไหร่ ยิ่งได้ส่วนลด
Campaign นี้ทำให้พวกเขาได้ยอดขายเพิ่มขึ้น 67% และมีการพูดถึงแบรนด์บน Social Media เพิ่มขึ้นกว่า 1,740% เลยทีเดียว
สาเหตุที่ชอบ: Campaign นี้มีการใช้ทั้ง Technology อย่าง Social Listening และ Technique อย่าง Gamification คือทั้งสนุกและทั้งน่าจะได้ยอดขายด้วย บริษัทที่ขายของกินของใช้ในไทยน่าเอาอันนี้ไปใช้นะ แต่อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบ คำดีๆ วันนี้มีอะไรบ้าง น่าจะดี เพราะช่วงนี้เรื่องแย่ๆ ของประเทศเราเยอะพอแล้ว 😂
7. New Place, New Purpose & New Purchase
My Dog แบรนด์อาหารสุนัขเกรดพรีเมียม ใช้วิธีการเปลี่ยนจุดที่วางขาย คือการเอาอาหารสุนัขไปขายใน Duty Free ที่สนามบิน
จากนั้นค่อยเปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เน้นย้ำถึงจุดขาย เพื่อกระตุ้นให้คนที่เลี้ยงสัตว์รู้ว่า ไม่ได้มีแค่คนที่บ้านที่คุณควรต้องซื้อของฝาก แต่สุนัขที่บ้านก็เฝ้ารอคุณอยู่ที่บ้านเช่นเดียวกัน
วิธีนี้ทำให้ My Dog ขายดีกว่าร้านของฝากสำหรับคนในสนามบินถึง 7 เท่า
สาเหตุที่ชอบ: แค่เปลี่ยนช่อง ชีวิตเปลี่ยน ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ช่องทางใหม่ + วิธีการสื่อสารใหม่ = ยอดขายถล่มทลาย
8. เปลี่ยนเฟรนซ์ฟรายส์ให้เป็นเซียมซี
Sibylla คือร้าน Fast Food ใน Sweden
พวกเขาเจอแบรนด์ใหญ่ๆ จากต่างชาติที่มีงบไม่อั้นเข้ามาตีตลาด เลยต้องพยายามสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง
เขาเลยผุด Campaign Future Fries ขึ้นมา ง่ายๆ เลยคือใครที่ซื้อ French Fries จาก Sibylla แล้วถ่ายรูปแชร์บน Social Media จะมีหมอดูมาดูดวงให้
จาก Campaign นี้ทำให้พวกเขามียอดขายเพิ่มขึ้น 35% และผู้ติดตาม Instagram เพิ่มขึ้นถึง 1,533% เลยทีเดียว
สาเหตุที่ชอบ: ความมูครับ! ไม่ใช่แค่คนไทยหรือคนเอเชีย แต่เรื่องนี้เป็น Universal Interest ของคนทั้งโลก 😂
9. กลยุทธ์ของเพจการตลาดวันละตอน
ยิ่งให้มากเท่าไหร่ ยิ่งได้มากเท่านั้น
สาเหตุที่ชอบ: จริงๆ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมและ Content Shifu เชื่อมากๆ เช่นเดียวกัน ผมคิดว่าคนและธุรกิจที่ดีต้องสร้าง Impact ที่มากและยิ่งใหญ่กว่าแค่ของตัวเองให้ได้ครับ
สรุป
ผมขอเอาแค่ 9 ตอนนี้มาเล่าสู่กันอ่านนะครับ ถ้าคุณอยากจะได้ Idea & Inspiration ในการตลาดเพิ่มเติม ผมแนะนำให้คุณไปจัดหนังสือ “ขายดีขึ้นร้อยเท่ากับการตลาดร้อยตอน” มาอ่านครับ 🙂