“ริชาร์ด ชีวิตในอนาคตของนายจะมีอยู่แค่ 2 ทาง ไม่จบลงด้วยการถูกจับเข้าคุก ก็จะเป็นอภิมหาเศรษฐี” กล่าวโดย Robery Drayson ครูใหญ่ของโรงเรียนที่เขาเรียนตอนมัธยม
เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ถือเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังมากที่สุดคนนึง เพราะความพยายามและความกล้าที่สุดโต่งเกินใคร
แต่ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก เขาเป็นคนที่เรียนไม่เก่งและต้องออกจากการเรียนตั้งแต่อายุ 16
เรื่องราวของ เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เป็นอย่างไร? อะไรที่ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของอาณาจักร Virgin Group ที่มีบริษัทมากมายในเครือเช่น Virgin Active, Virgin Atlantic (Virgin Airline) และ Virgin Galactic ซึ่งมีมูลหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ? เดี๋ยวผมจะเล่าให้ได้อ่านกันในบทความนี้ครับ
Dyslexia เปลี่ยนชีวิต
Dyslexia คือภาวะผิดปกติของการเรียนรู้ภาษา ส่งผลให้คนที่เป็นโรคนี้มีปัญหาเรื่องการสะกดคำ อ่าน หรือเขียนหนังสือ คนที่เป็นโรคนี้ไม่มีความบกพร่องด้านสติปัญญา แต่ต้องใช้พยายามมากกว่าคนอื่นในการสะกด อ่าน เขียนหนังสือ
ซึ่ง เซอร์ ริชาร์ด นั้นถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เขาเรียนหนังสือไม่เก่งไม่ว่าจะฝึกฝนยังไงก็ตาม
เมื่อถูกมองว่าไม่เก่ง เขาเลยก็ต้องพยายามมากกว่าใครในเรื่องของการเรียน ส่งผลให้เขาไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา
ภายหลังเขาได้ออกมาบอกว่า เขาอยากให้คนที่มีอาการ Dyslexia มองว่านี่ไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นโอกาสและพรสวรรค์ที่แฝงซ่อนอยู่ เพราะคนที่มีอาการ Dyslexia มักจะเป็นคนที่ชอบทำให้อะไรต่างๆ ให้มันง่ายขึ้น
Dyslexia ที่หลายๆ คนมักมองว่าคือความผิดปกติในทางลบ แต่ เซอร์ ริชาร์ด มองเห็นเรื่องบวกในเรื่องลบ พยายามผลักดันให้ตัวเองได้ประโยชน์จากอาการนี้ได้เป็นอย่างดี
“Two men look out through the same bars; One sees the mud, and one the stars. – Frederick Longbridge”
อ่านเพิ่มเติม: สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย
ความสำเร็จของ เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เกิดจากการลองผิดลองถูก
ความผิดปกติของ Dyslexia ส่งผลให้ เซอร์ ริชาร์ด พยายามและกล้าที่จะลองผิดลองถูก ไม่กลัวว่าล้มเหลว (อารมณ์ประมาณว่าในอดีตโดนด่า โดนว่า มาเยอะแล้ว ตอนทำธุรกิจ สำเร็จก็ดี แต่ถ้าล้มเหลวก็แค่เสมอตัว)
หลังจากที่ต้องหยุดเรียนไปตอนอายุ 16 เขาก็ได้เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจของเขาจากการก่อตั้งนิตยสารที่ชื่อว่า Student จนได้ก่อตั้งธุรกิจอีกหลายอย่างเช่น Virgin Records, Virgin Atlantic, Virgin Active, Virgin Media และอีกมากมายเป็นสิบบริษัท
ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินบริษัททางด้านบนที่ผมเขียนถึงมาบ้าง
แต่คุณรู้ไหมครับว่าจริงๆ แล้ว เซอร์ ริชาร์ด ยังเคยก่อตั้งบริษัทอีกมากมายเช่น Virgin Cola, Virgin Cars, Virgin Brides แต่บริษัทเหล่านั้นล้มเหลว
ถึงล้มเหลวแต่เขาเองก็ไม่ล้มเลิก ยังพยายามคิดค้นไอเดียธุรกิจต่างๆ อยู่ตลอด ถ้าเขาท้อและคิดว่าความล้มเหลวคือสิ่งที่แย่ ไม่ดี และยอมรับไม่ได้ บางทีเราอาจจะไม่ได้เห็นของเจ๋งๆ จาก Virgin มากมายอย่างทุกวันนี้ก็ได้นะครับ
สิ่งที่เราทุกคนสามารถเรียนรู้จาก เซอร์ ริชาร์ด ได้ก็คือทุกครั้งที่ล้มเหลว จะได้เรียนรู้ ขอเพียงแค่ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้และยังไม่ตาย ยังไงเราก็จะเก่งขึ้น
“What doesn't kill you makes you stronger. – Friedrich Nietzsche”
ความสำเร็จเป็นของคนที่บ้าและกล้าพอ
“อย่าคาดหวังสิ่งใหม่กับการทำทุกอย่างที่เหมือนเดิม”
คนเราจะเติบโตขึ้นถ้าก้าวออกจาก Comfort Zone ได้ลองทำอะไรที่ตัวเองไม่สะดวกใจ ไม่สบายใจ แต่ได้เรียนรู้
ความ “บ้า” และ “กล้า” กับเซอร์ ริชาร์ด นั้นเป็นของคู่กัน
จะเห็นได้จากการที่เขาพยายามทำลายสถิติโลกไม่ว่าจะเป็นการแล่นเรือเร็วข้ามมหาสมุทร Atlantic การเล่น Kitesurfing เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด หรือการเดินทางด้วยบอลลูนจากญี่ปุ่นไปยัง Arctic Canada
หรือแม้แต่การที่ยอมแต่งตัวเป็นแอร์โฮสเตสสาวสวยที่ให้บริการผู้โดยสารของสารการบิน AirAsia ตอนที่เขาแพ้พนันโทนี่ เฟอร์นานเดส
“The people who are crazy enough to think they can change the world are the ones who do. – Rob Siltanen”
สรุป
เพราะขาดบางสิ่งก็เลยได้บางอย่างมาเติมเต็ม
ภาวะ Dyslexia ที่ทำให้ เซอร์ ริชาร์ด อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ส่งผลให้เขาต้องใช้ความมุมานะมากกว่าคนอื่น พยายามทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย รวมไปถึงการที่เขาเป็นคนที่กล้าลองผิดลองถูก และทำในสิ่งใหม่ที่ตัวเองไม่เคยทำ
และนี่คือเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ชายผู้เป็นเจ้าของ Virgin Group ที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกใบนี้ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีฝันอยากสร้างธุรกิจให้สำเร็จทุกคนครับ