วันก่อนไปพูดที่คลาส Tep-De มา ซึ่งโชคดีมากๆ ที่ได้พูดต่อจากพี่เล้ง CEO MFEC เลยได้มีโอกาสนั่งฟังพี่เล้งชั่วโมงกว่าๆ
จริงๆ พอรู้ว่าต้องพูดต่อจากพี่เล้ง รู้สึกกดดันสุดๆ เลย เหมือนแบบคนมาดูปรมาจารย์แสดงอิทธิฤทธิ์ แล้วค่อยมาดูนักสู้ฝึกหัดร่ายรำต่อ 
ยังดีที่พี่เล้งมาแนวกำลังภายใน (การจัดการตัวเอง จัดการคน) ส่วนผมต่อด้วยเรื่องกระบวนท่า (MarTech) เลยทำให้ไม่เขินมาก
ทุกครั้งที่ฟังพี่เล้งพูด ผมจะได้เรียนรู้เรื่องอะไรใหม่ๆ มาเสมอ และนี่คือ 8 ประโยคทองที่ผมได้ยินจากพี่เล้งในคลาสวันนั้น และอยากจะเอามาเขียนแชร์ต่อครับ
ประโยคอาจจะไม่เป๊ะ แต่ความหมายน่าจะพอได้
มีอะไรบ้าง มาอ่านกันครับ 
8 ประโยคทองของพี่เล้ง
1. ไม่เชื่อใน “Work-life Balance” แต่เชื่อใน “พลัง”
พี่เล้งเชื่อว่าไม่ว่าจะทำอะไร จะทำงานหรือจะเล่น จะต้องทำอย่างมีพลัง
ทำงานก็ใส่พลังเต็มที่ เวลาไปเที่ยวก็เที่ยวให้สุด
เวลาทำอะไร ถ้าขาดพลัง ก็จะเอื่อยๆ ตลอด และทำให้สิ่งต่างๆ รอบข้างเอื่อยตาม
2. ไม่มีคำสุภาพในคำปฏิเสธ
การที่จะไล่ใครออกจากองค์กร ยังไงคนก็จะไม่ Happy กับสิ่งที่เราทำแน่ๆ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว และไม่ต้องไปกังวลเรื่องการเลือกใช้คำเกินไป
จริงๆ คนที่ผิดถือว่าเป็นตัวเราเองที่ตัดสินใจเอาเขาเข้ามา สิ่งที่เราควรทำตั้งแต่แรกคือให้โฟกัสตอนที่ Recruit
3. คนแต่ละคนตอบสนองต่อ Reward System ไม่เหมือนกัน
รางวัลแบบเดียวกัน ให้คนต่างกัน ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกัน
พี่เล้งยกตัวอย่างเช่นการให้รางวัลเป็นการไปดูงานที่สิงคโปร์
ถ้าคนที่ได้เป็นเด็กบ้านรวยที่ปกติไป Summer ที่อังกฤษ เขาก็อาจจะไม่ได้ Appreciate กับรางวัลนี้เท่าไหร่
กลับกัน ถ้าคนที่ได้รับรางวัลเป็นคนที่โอกาสไม่เยอะมาก การได้ไปดูงานที่สิงคโปร์อาจจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจกับเขา และเขาน่าจะ Happy กับโอกาสที่บริษัทมอบให้
ต้องดูว่าองค์กรของเราถนัด Manage คนแบบไหน อะไรที่จับมา Pairing กับเราแล้วได้ผลดีที่สุด
4. ผมหาเวลากะเทาะ Ego ตัวเองทุก 6 เดือน
ยิ่งเป็นผู้บริหารที่อยู่สูง ยิ่งมีโอกาสที่จะโดน Ego ครอบงำ
พี่เล้งมักจะหาเวลากะเทาะ Ego ตัวเองทุกๆ 6 เดือน ด้วยการอยู่คนเดียว นั่งสมาธิ หรือไปใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีผู้คน
5. ความ Slow สำคัญในโลกที่ Fast
โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว การดูสิ่งต่างๆ ให้ออกเป็นเรื่องสำคัญ
เหมือนดื่มไวน์ ต้องดื่มช้าๆ ค่อยๆ ลิ้มรส
เวลาดูคน ต้องดูให้ดีว่าคนไหนพูดจริง คนไหนโกหก (ใครดูคนไม่เก่ง จะทำธุรกิจยาก)
ปัจจุบันคนหันมาเร่งสิ่งต่างๆ กันมากขึ้น เหมือนกับการพยายามสร้าง Super Car ซึ่งพี่เล้งบอกว่า เวลาจะสร้าง Super Car ของเรา อย่าพัฒนาแต่การเร่ง ให้พัฒนาเรื่องการเบรคด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตจะเสียสมดุล
6. จังหวะบอกรักที่ดีที่สุดคือก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกรัก
จังหวะและเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ
การเลือก Moment ให้ถูกต้องจะทำให้คนจำขึ้นใจ
ตัวอย่างเช่นถ้าคุณไป Offer เครื่องดื่มให้คนที่เพิ่งดื่มน้ำอิ่มๆ ต่อให้ราคาถูกแค่ไหนเขาก็ไม่อยากซื้อ แต่ถ้าคุณขายเครื่องดื่มราคา 2,000 บาท ให้คนที่เขากระหายน้ำกลางทะเลทราย จะแพงกว่านี้เขาก็จะยอมจ่าย
หรือเวลามีคนรู้จักป่วย อย่าเอาของไปเยี่ยมตอบที่เขาพะงาบๆ เพราะได้ของไปก็ใช้อะไรไม่ได้ ไปเจอกันตอนยังดีๆ จะดีกว่า
หรืออีกตัวอย่างคือตอนที่คนประสบความสำเร็จ อย่าไปเข้าหา เพราะตอนนั้นก็มีแต่คนเข้าหาเขาเต็มไปหมด ให้ยื่นมือไปช่วยเหลือตอนที่เขากำลังเดือดร้อนดีกว่า
7. คนที่กินอิ่มแล้ว จะประเคนอะไรก็ไม่กิน
อย่า motivate คนที่ไม่ใช่ ต่อให้คุณจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็จะไม่สามารถสร้างแรงจูงใจในตัวเองได้อยู่ดี
ไปหา ลงแรงกาย แรงใจ กับคนที่ยังหิวกระหายดีกว่า
8. ถ้าพูดตั้งแต่ Day 1 คือ Commitment แต่พูดวันท้ายๆ คือ Excuse
จะโปรโมต จะไล่คนออก ให้พูดตั้งแต่วันแรกๆ และให้เวลาพวกเขาทำตามที่คุณพูดไว้ (Commit ไว้)
ถ้าบอกความคาดหวังไม่ชัด แต่ตอนต้องตัดสินใจแล้วตัดสินใจในทางที่ให้โทษกับอีกฝ่าย สิ่งที่คุณทำมันจะเป็นคำแก้ตัว (Excuse) ของคุณ
สรุป
นี่คือวลี 8 อย่างที่ผมพอจะจำได้นะครับ อาจจะไม่เป๊ะ 100% แต่ความหมาย น่าจะไม่ผิดเพี้ยนจากนี้เท่าไหร่ครับ
สไตล์ตอนตอบคำถามของพี่เล้ง คือพอได้ฟังคำถามแล้ว พี่เขาจะเงียบไปสักครู่นึงเพื่อไตร่ตรองคำตอบก่อนเสมอ ทำให้คำตอบที่ออกมาแต่ละคร้ัง มัน Impactful มากๆ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้เรียนรู้ Lifetime lessons in hours ครับ
ขอบคุณพี่เล้ง Siriwat อีกครั้งสำหรับ Wisdom ดีๆ ครับ
ขอบคุณพี่โซอี้ Sopha Zoe พี่กอล์ฟ Sorasich พี่หมู Natavudh Moo ที่ชวนไปแชร์ที่ Tep-de ด้วยครับ
ป.ล. ผมจะมีจัด Digital Marketing for B2B Bootcamp ในเดือนพฤษภาคม และพี่เล้งก็ให้เกียรติมาเป็นหนึ่งใน Session Expert Sharing ที่จะมาแชร์ในหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการคนและเรื่อง AI ในธุรกิจแบบ B2B ด้วย ใครสนใจไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย https://bootcamp.contentshifu.com/db2b See less
