เล่าที่มาที่ไปของสงครามนี้ก่อน คือแบบฟาดฟันกันมากๆ
- เดือนที่ผ่านมาเรื่องที่ใหญ่ที่สุดแห่งโลก Open Source คือสงครามระหว่าง Automattic & WP Engine
- Matt ที่เป็นเจ้าของ License ของ wordpress.org และเป็น Founder ของ Automattic ที่เป็นเจ้าของ wordpress.com บอกว่า WP Engine คือมะเร็งร้าย ตอนพูด Keynote ในงาน WordCamp US 2024
- Matt บอกว่า WP Engine หากินกับ wordpress.org มานาน หาเงินได้ปีละหลายร้อยล้านเหรียญ โดยนอกจากเอา Open Source อันนี้ไปใช้แล้ว ยังเอา Logo/Branding ของ WordPress และ WooCommerce ไปใช้ และทำให้คนเข้าใจผิดอีกว่า WP Engine = WordPress แต่พวกเขากลับ Contribute สู่ Community น้อยมากๆ (ประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
- นอกจากนั้นแล้ว Matt ยังบอกว่า WP Engine ไป Limit Feature WordPress ของลูกค้า คือต้องจ่ายเยอะขึ้นถึงจะใช้ได้ ทั้งๆ Feature นั้นๆ เป็นอันที่ WordPress ให้ใช้ฟรี ตัวอย่างเช่นเรื่องของ Revision ที่ WP Engine จะปิดไว้ก่อนเลย (ถ้าอยากได้ต้องทักไปขอให้ WP Engine เปิดให้) ทั้งๆ ที่ปกติแล้ว คนใช้งาน wordpress.org ก็สามารถเก็บ Revision ได้ไม่จำกัด
- ที่ผ่านมา Automattic มีการคุยกับ WP Engine หลายรอบเรื่องการ Contribute ให้กับ Community มากขึ้น หรือไม่ก็จ่าย License Fee จากการใช้ Trademark แต่เรื่องนี้ไม่คืบหน้า (เขาแชร์ Term Sheet ไว้ที่นี่)
- ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ผมเขียนไป มันก็เลย Lead มาสู่คำพูดของ Matt บนเวที คำพูดเหล่านั้นก็ถูกเอาไปแชร์ต่อมากมาย
- ฝั่ง WP Engine ก็บอกกลับว่า wordpress.org มันคือ Open Source เพราะฉะนั้นพวกเขาก็สมควรเอามาใช้ได้ และการที่ Matt ออกมาด่าในที่สาธารณะแบบนี้ มันใช้ได้เหรอ จากน้ันพวกเขาก็ทำการส่ง Legal Letter “cease and desist” ให้ Automattic บอกให้หยุดทุกอย่างเดี๋ยวนี้
- Automattic ก็เลยสวนกลับด้วยการปิด Access ไม่ให้ WP Engine เข้าถึงของฟรีของ wordpress.org ได้ (อารมณ์เหมือน ถ้าไม่ยอมตกลงเรื่องการ Contribute สู่ Community หรือไม่จ่ายค่า Trademark ก็ไม่ต้องใช้)
- WP Engine ก็เลยสวนกลับด้วยการฟ้อง
- Automattic ก็เอาทนายมาสู้ต่อเช่นกัน
เรื่องนี้จะเป็นยังไง ต้องรอติดตามกันต่อไป
เรื่องที่เจ๋งมากๆ เป็นเรื่องที่ Matt ทำหลังจากนี้
- ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น Matt ก็เอามาเล่าให้ฟังว่าในบริษัท Automattic มีคนไม่เห็นด้วยกับเขาค่อนข้างเยอะ คือมีคนคิดว่า Matt กับ Automattic มันจะมี Power มากขนาดนี้ในการชี้เป็นชี้ตายให้กับโลก Open Source ได้ยังไง
- ในโพสต์นี้ ผมคงไม่ได้มาแสดงว่าเห็นว่าใครผิดใครถูก แต่อยากเอาบทเรียนนึงมาเจ๋งมากๆ มาแชร์
- ดังคำพูดของ Winston Churchill กล่าวไว้ว่า “Never let a good crisis go to waste.”
- บริษัทก็เลยออก Alignment Offer ให้กับ “พนักงานทุกๆ คน” ใครที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ สามารถ Take Offer $30,000 หรือเงินเดือน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าอันไหนเยอะกว่า แล้วออกได้เลย (ใครจะใช้อันนี้เป็นข้ออ้างก็ได้เหมือนกัน)
- แต่มี Condition พิเศษนิดหน่อยตรงที่ว่า ใครที่ Take Offer นี้แล้ว จะไม่สามารถกลับมาทำงานที่ Automattic ได้อีกในอนาคต
- $30,000 ก็ตีเป็นเงินไทยก็ล้านกว่าบาทเลยนะ ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอสมควร แต่เงินเดือน 6 เดือนของคนที่ทำงาน Automattic ผมคิดว่าส่วนใหญ่เยอะกว่า $30,000 มาก เพราะผมคิดว่าเขาน่าจะมี Engineer เยอะ และหลายๆ คนก็ Base อยู่ที่ US
- สุดท้าย มีคน Take Offer นี้ทั้งหมด 159 คน (ราวๆ 8.4% ของทั้งบริษัท) ส่วนอีก 91.6% นั้นตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ (ถ้าคนกลุ่มนี้ทั้งหมด Take Offer บริษัท Automattic น่าจะต้องจ่ายเงินอีกราวๆ $126 ล้าน)
- ซึ่งใน 91.6% นั้น มีอยู่ 1 คนที่เพิ่งเข้ามาได้เริ่มงาน 2 วัน คือถ้าเขาตัดสินใจ Take Offer เขาจะทำงานแค่ 2 วัน แต่ได้เงินเดือน 6 เดือนล่วงหน้าไปเลย ลองคิดดูว่ามัน Lucrative ขนาดไหน
- สิ่งที่ทาง Matt & Automattic ทำ มันเป็นตัว Proof เลยนะว่าสิ่งที่เขาทำมันมีค่าขนาดไหน ระหว่างเงินตราที่ล่อตาล่อใจ กับโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ อะไรมันจะมีค่ามากกว่า ซึ่งเอาจริงๆ ผมดีใจและภูมิใจแทน Matt มากๆ ที่ผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้ คือเวลาที่เราสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่
- นอกจากนั้นแล้ว เขายังได้คัดเอาคนที่ไม่เชื่อและไม่เห็นด้วยออกไปอีก ผมเชื่อว่าผ่านจากเหตุการณ์นี้ไป คนในบริษัทเขาจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกว่าเดิม