วันก่อนได้มีโอกาสไปนั่งคุยกับพี่บี พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ที่ปัจจุบันเป็นผู้บริหารอยู่ที่ TRUE (และเป็นอดีตผู้บริหาร Microsoft, Sony Music, Disney และอีกหลายบริษัท) มาแล้วพี่เขาแชร์ Wisdom อันนึงให้ฟัง แล้วอยากเอามาแชร์ต่อ
มีประโยคนึงที่พี่เขาพูดแล้วรู้สึกชอบมากและจำได้ดี คือ “เรากลัวคู่แข่ง เพราะเขามี Offensive Strategy แต่เรามี Defensive Strategy”
ถ้าเรามัวแต่คิดถึงการป้องกัน (ว่าจะทำยังไงให้เราไม่แพ้คู่แข่ง) เราจะไม่สามารถชนะศึกที่เราสู้อยู่ได้
Defense is internal. Offense is external. Offense is controllable, defense isn’t.
การรับเป็นเรื่องภายในองค์กรของเรา คือต้องมาวางแผนว่าเราจะรับมือคนอื่นยังไงดี แต่การรุกคือเรื่องภายนอกองค์กร คือต้องมาคิดว่าจะไปสู้กับคนอื่นยังไง
การรุกเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ เราเลือกได้ว่าจะสู้ด้วยท่าไหน แต่เราควบคุมการรับไม่ได้ มีแต่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ของฝ่ายรุก
ตังอย่างที่พี่เขายกมาคือตัวอย่างที่กำลังเป็นเป็นกระแสอยู่ Temu ที่มี Strategy แบบโคตร Offensive คือมารุก มาลุยตลาดต่างประเทศด้วย Business Model ที่รุกหนักมากๆ คือตัดตัวกลาง ขายถูกมากๆ จัดการเรื่อง Tax ได้
เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำและผู้กำหนดเกมธุรกิจ
ถ้าเขามาท่านี้ Control ไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ในมือเขา (และมือของภาครัฐของเราที่ต้องเป็นผู้ควบคุมกฏ – ซึ่งเราสามารถ Voice อะไรบางอย่างไปหาภาครัฐได้แหละ)
สิ่งที่ธุรกิจควรทำคือการอ่านว่าเขามีกลยุทธ์ในการ Win อย่างไร และเอาสิ่งที่เรียนรู้ มาคิด Offensive Strategy ว่าเราจะไปตีตลาดอื่นอย่างไร
พี่เขาเล่าให้ฟังว่า Temu เข้าใจพวก System & Regulation มากๆ และออกแบบ Product มาให้ Fit กับ System & Regulation ของประเทศนั้นๆ เลยสามารถคิด Offensive Strategy ที่รุกหนักขนาดนี้ได้ (พี่เขาเล่าว่า ผลพวงของเหตุการณ์นี้ เกิดมาจากสนธิสัญญา something ปี 1955 เลย ผมจำได้แค่ปี แต่ผมจำที่พี่เขาแชร์ไม่ได้ว่า มันคือสนธิสัญญาอะไร และรายละเอียดข้างในเป็นยังไง)
พี่เขาเสริมต่ออีกว่า การจะคิด Offensive Strategy ที่เป็นทีเด็ดของเราได้นั้น เราควรจะต้องเหลา Vision เราให้คมๆ
เผอิญผมได้มีโอกาสเปิด Vision/Mission บริษัทของผมให้พี่เขาคอมเมนต์ และพี่เขาแนะนำมาว่าให้เอาคำตอบของ 2 คำถามนี้ไปใส่ไว้ใน Vision ด้วย จะทำให้ Vision คมขึ้นและเราจะกำหนด Strategy ได้ดียิ่งขึ้น
- สิ่งที่เราอยากจะเป็น เราเป็นแล้วเราได้อะไร หรือเราไปเป็น Enabler ให้ใครได้อะไร
- ถ้าเป็น Enabler สิ่งที่เราทำ ให้เจาะลงไปให้ลึกว่าเราทำให้คนมีเงิน มีเกียรติ หรือมีอะไรที่ทำให้ชีวิต/ธุรกิจเขาดีขึ้นได้บ้าง
ฟังจบแล้ว นี่ผมกลับมาทบทวน Vision ของบริษัทเลย รวมไปถึง พยายามลองมานั่งหา Offensive Strategy ที่จะทำให้มี Control ในสิ่งต่างๆ มากขึ้นด้วย การเต้นตามคนอื่นโดนที่เราควบคุมอะไรไม่ได้มันไม่สนุกเลย
หวังว่าเรื่องที่หยิบมาแชร์ จะพอเป็นประโยชน์นะครับ 🙂