ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีไอเดียธุรกิจและอาชีพเกิดใหม่ (ที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว) มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ การเป็น YouTuber หรือแม้กระทั่งการปล่อยห้องของตัวเองให้คนอื่นเช่า
ใครที่มองเห็นโอกาสและคว้าโอกาสไว้ได้ก็จะไปได้ไกลกว่าคนอื่น
บทความนี้ไม่ได้เป็นบทความที่ชี้เป้าบอกไอเดียธุรกิจให้กับคุณ แต่จะชี้แนะแนวทางในการค้นหาไอเดียธุรกิจเฉพาะตัวสำหรับคุณ
ถ้าคุณอ่านบทความนี้จบแล้วเอาไปคิด ผมคิดว่าคุณจะมีไอเดียธุรกิจดีๆ ให้ไปทำต่อแน่ๆ ครับ
7 วิธีการหาไอเดียธุรกิจที่เหมาะกับคุณ
1. หาสิ่งที่คุณหมกมุ่นหรือทำได้ดี
ถ้าจะให้ปลาไปปีนต้นไม้ก็คงจะยาก หรือจะให้ลิงไปว่ายน้ำก็คงจะทำได้ไม่ดี
เช่นเดียวกันกับคนอย่างเราๆ ถ้าต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดหรือไม่ชอบ เราอาจจะทำได้ไม่ดีหรืออาจจะไม่มีแรงผลักดันเท่าที่ควร
คำแนะนำข้อแรกของผมคือให้ลองค้นหาสิ่งที่คุณเก่ง ทำได้ดี หรือมี Passion เกี่ยวกับมัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องอิงกับสิ่งที่มีสาระมากก็ได้
ตัวอย่างเช่น Gabe Newell and Mike Harrington ที่ชอบเล่นเกมส์เลยก่อตั้ง Valve บริษัทที่สร้างเกมส์อันแสนโด่งดังอย่าง Half-life, Counter-Strike, Dota และอื่นๆ อีกมากมาย
หรือถ้าเป็นของไทย ตัวอย่างที่ผมชอบคือเฮียมั่นและเฮียเบียสที่หลงใหลในเรื่องเสียงมากจนก่อตั้ง Munkong Gadget บริษัทขายเครื่องเสียงที่ถ้าใครอยากได้หูฟังดีๆ ต้องรู้จัก
ผมเคยสัมภาษณ์เฮียมั่นและเฮียเบียสลง Podcast ของ FounderCast สามารถเข้าไปติดตามฟังได้ที่นี่ครับ
ลองกลับไปนั่งไล่นึกถึงสิ่งที่คุณหมกมุ่นหรือทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ทำอาหาร การพูด หรืออะไรก็แล้วแต่ จริงๆ แล้วถ้าของที่คุณมีเป็นของที่คนต้องการ คุณสามารถเอามาสร้างธุรกิจได้หมดครับ
2. หาปัญหาที่คุณเจอ/หาสิ่งที่คุณอยากให้มี
มีปัญหาอะไรบ้างที่คุณมักจะเจออยู่เป็นประจำ? หรือมีอะไรบ้างที่คุณอยากให้มีแต่ไม่ยักจะมีคนทำขาย?
ณ ตอนที่อ่านอยู่นี้ ถ้าคุณนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในหัว บางทีคุณอาจจะกำลังเจอไอเดียธุรกิจของคุณแล้วก็ได้นะครับ 🙂
ตัวอย่างของคนที่คิดไอเดียธุรกิจได้จากปัญหาที่พวกเขาเจอหรือจากสิ่งที่เขาอยากให้มีเช่น
Marc Randolph และ Reed Hastings ผู้ร่วมก่อตั้งของ Netflix เบื่อและเห็นว่ามันไม่เข้าท่าที่จะต้องจ่ายค่าปรับในการส่งหนังคืนช้าให้กับร้านเช่าหนัง
Kristo Käärmann and Taavet Hinrikus ผู้ร่วมก่อตั้ง TransferWise ซึ่งเป็นบริการโอนเงินข้ามประเทศ เกิดปิ๊งไอเดียนี้ข้ึนมาเพราะพวกเขาต้องเปลี่ยนสกุลเงินจากปอนด์และยูโรไปมา (Kristo ทำงานที่ Deloitte อาศัยอยู่ใน London ได้รับค่าจ้างเป็นปอนด์ แต่ซื้อที่อยู่ไว้ที่ Estonia ซึ่งต้องจ่ายเป็นยูโร ส่วน Taavet ทำงานที่ Skype อาศัยอยู่ใน London เหมือนกัน แต่ดันได้รับค่าจ้างเป็นยูโร)
หรือแม้แต่ผมเองตอนที่เริ่มทำเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Content Shifu ผมพบว่ามีเว็บข่าวเกี่ยวกับ Digital Marketing ดีๆ หลายสำนัก แต่ยังไม่มีเว็บที่เน้นเรื่องการให้ความรู้ Digital Marketing ดีๆ สักเท่าไหร่
บางทีปัญหาที่คุณมี คนอื่นๆ อีกมากมายก็อาจจะเจอปัญหาแบบเดียวกัน หรือบางทีของที่คุณอยากได้แต่หาซื้อไม่ได้ คนอื่นๆ อีกมากมายก็อาจจะกำลังบ่นเหมือนที่คุณบ่นอยู่ก็เป็นได้
3. หาสิ่งที่คนอยากได้
ในอดีต การที่คุณจะรู้ว่าคนอยากจะได้สินค้าหรือบริการอะไร ของแบบไหนคนสนใจมากหรือสนใจน้อย การแข่งขันสูงหรือต่ำยังไง มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ปัจจุบันการจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้มีความเป็นไปได้อยู่ คุณเพียงแค่ต้องรู้วิธีการ
วิธีการง่ายๆ ในการหาว่าคนสนใจหรืออยากได้อะไร ทำได้โดยการใช้เครื่องมืออย่าง Google Trend หรือ Google Keyword Planner ครับ
ตัวอย่างเช่นผมลองเข้าที่ Google Trend แล้วลองค้นหาคำว่า Delivery (โดยที่เลือกเฉพาะประเทศไทย) ดู จะพบว่าในช่วงที่ผ่านมาคนสนใจเรื่องนี้กันเยอะขึ้นมา แสดงว่าธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับ Delivery ก็อาจจะเป็นสิ่งคนต้องการ
อ่านเพิ่มเติม: keyword คืออะไร และ หา keyword ของเว็บไซต์อย่างไรให้รายได้ของคุณพุ่ง
เวลาคนมีปัญหาหรืออยากรู้อะไรบางอย่าง ที่แรกๆ ที่คนจะเข้าไปถามคือ Google เพราะฉะนั้น Google จะมีข้อมูลสิ่งที่คนอยากรู้ทั่วทั้งโลกและเขาเปิดข้อมูลบางส่วนของเขาให้คนทั่วๆ ไปอย่างเราเข้าถึงได้ คุณเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ครับ
นอกเหนือจากเครื่องมือของ Google แล้ว ถ้าคุณอยากจะเห็นสิ่งที่คนสนใจในช่วงระยะเวลาสั้นๆ คุณสามารถไปใช้เครื่องมืออย่าง trend.wisesight.com/ หรือ Social.gg ได้ครับ
โดยเครื่องมือเหล่านี้จะทำการกวาดข้อมูลสาธารณะที่คนพูดถึงบน Social Media ต่างๆ (ของ Social.gg กวาดมาเฉพาะ Facebook) แล้วเอามาแสดงผลให้คุณได้ดูครับ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เวลามีอะไรที่เป็นกระแสหรือเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก สิ่งที่คนจะทำคือการเข้าไปแสดงความเห็นของตัวเองและปฏิสัมพันธ์บน Social Media เพราะฉะนั้น Social Media จะมีข้อมูลสิ่งที่เป็นกระแสหรือคนกำลังให้ความสนใจทั่วทั้งโลกและเขาเปิดข้อมูลบางส่วนของเขาให้คนทั่วๆ ไปอย่างเราเข้าถึงได้ คุณเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ครับ
4. ไปงานอีเวนต์
งานอีเวนต์เป็นอีกหนึ่งที่ที่รวบรวมไอเดียธุรกิจต่างๆ จากทั่วทุกสารทิศมาไว้ในที่เดียว งานอีเวนต์ที่ผมแนะนำให้คุณไปลองเดินดูคืองานที่ใหญ่ระดับชาติหรือระดับโลก
ตัวอย่างงานลักษณะนี้ที่จัดในไทยเช่น THAIFEX (งานแสดงสินค้าอาหาร) งานสถาปนิก (งานแสดงงานสถาปัตยกรรมต่างๆ) งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย (คุณสามารถเข้าไปดูตารางงานต่างๆ ได้ผ่านเว็บไซต์รวมอีเวนต์เช่น Thailandexibition และ Zipevent)
ทุกครั้งที่คุณไปเดินงานแบบนี้ คุณจะได้ไอเดียใหม่ๆ มาเติบเก็บไว้ในหัวของคุณครับ และบางไอเดียอาจจะเอามาต่อยอดเป็นธุรกิจได้
นอกจากงานอีเวนต์ที่เป็นรูปแบบของ Expo แล้ว งานอีเวนต์แบบ Networking ก็อาจจะช่วยคุณได้ไอเดียใหม่ๆ ในการทำธุรกิจเช่นเดียวกันครับ เพราะงานอีเวนต์แบบ Networking จะเป็นการรวมตัวกันของคนกลุ่มไม่ใหญ่มากแต่มีความสนใจที่คล้ายกัน คุณอาจะได้ไอเดียจากการที่คุยกับคนที่ไปงาน Networking เหมือนๆ กันได้
ถ้าคุณสนใจงานในรูปแบบนี้ ผมแนะนำให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ Zipevent หรือ Eventpop ที่ผู้จัดงานมักจะเปิดให้คนมาลงทะเบียนหรือบัตรเข้างานผ่าน Platform เหล่านี้ครับ
เมื่อไอเดียไม่วิ่งเข้าในหัวคุณ สิ่งที่คุณควรทำคือเอาตัวเองวิ่งไปหาไอเดียครับ
Note: ในช่วง COVID-19 Platform เหล่านี้เองก็ปรับตัว เปลี่ยนจากการโปรโมตอีเวนต์ที่จัดในรูปแบบ Offline มาเป็นช่วยให้ธุรกิจอีเวนต์สามารถจัดงานแบบออนไลน์ได้ครับ
5. อ่าน
การอ่านคือหนึ่งในวิธีการเปิดโลกและหาไอเดียธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดครับ
คุณสามารถเริ่มต้นอ่านได้โดยการติดตามเว็บไซต์ข่าวสารหรือบล็อกต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ผมแนะนำให้คุณอ่านคอนเทนต์ที่เป็นภาษาอังกฤษครับ เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันสากล องค์ความรู้ แนวคิด และไอเดียต่างๆ ย่อมมีมากกว่าเนื้อหาที่อยู่ในรูปแบบภาษาไทย (คิดง่ายๆ ว่าภาษาไทยมีคนใช้ 60-70 ล้านคน แต่ภาษาอังกฤษมีคนใช้มากกว่า 1,500 ล้านคน)
นอกเหนือจากบทความสายธุรกิจจาก Forbes, Entrepreneur และ Inc แล้ว การลองหาคอนเทนต์จากเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมที่คุณสนใจก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
วิธีการง่ายๆ คือลองใช้คำค้นหาหัวข้อที่เกี่ยวข้องใน Google ดู เช่นสมมุติว่าคุณสนใจธุรกิจในอุตสาหกรรมแม่และเด็ก คุณอาจจะลองค้นหาคำว่า Best mom products ดู แล้วคุณก็จะพบเว็บไซต์ที่ให้ไอเดียที่น่าสนใจต่างๆ อยู่หลายอัน
ลองอ่าน ลองศึกษาเพิ่มเติมจากคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ดูนะครับ ยิ่งคุณอ่าน ศึกษา และติดตามความเป็นไปของโลกมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้ไอเดียธุรกิจที่เอาไปคิดและทำต่อก็จะยิ่งมากขึ้นครับ
6. ระดมความคิด (Brainstorming)
ถ้าคุณมีเพื่อนที่จะทำธุรกิจด้วยกัน วิธีการระดมความคิด (Brainstorming) เป็นหนึ่งในวิธีที่น่าสนใจครับ
วิธีการคือกำหนดโจทย์ให้ทุกคนต้องเขียนไอเดียธุรกิจออกมาบน Post-it ให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาจำกัด เช่นสัก 10-15 นาที โดยไม่ต้องห่วงหรือไม่ต้องแคร์ว่าไอเดียนั้นจะดูเป็นไปได้รึเปล่าหรือไอเดียนั้นจะดูงี่เง่าขนาดไหน
จากนั้นเอาไอเดียที่คิดได้มาระดมสมอง จับวางไอเดียต่างๆ ลงไปในรูปทางด้านล่าง
รูปจาก Twitter
รูปทางด้านบนเป็นรูปที่มีแกน Y เป็น Payoff (หรืออธิบายง่ายๆ ว่าถ้าไอเดียนี้ไปได้ดี ผลตอบแทนจะมากน้อยแค่ไหน) ส่วนแกน X เป็น Difficulty (หรืออธิบายง่ายๆ ว่าไอเดียนี้ทำให้เกิดขึ้นได้จริงยากง่ายแค่ไหน)
ถ้าไอเดียที่คุณคิดมาอยู่ในรูปซ้ายบน ให้เอาไปทดลองทำจริงๆ (Implement)
แต่ถ้าคุณไม่มีไอเดียในรูปซ้ายบนเลย ให้ไปดูไอเดียขวาบนหรือซ้ายล่างที่เป็นไอเดียที่ดูน่าสนใจรองลงมา
ถ้าไอเดียที่คุณคิดมาอยู่ในรูปขวาบน ให้เก็บมาคิดดีๆ อีกที เพราะว่ามันท้าทาย (Challenge)
ถ้าไอเดียที่คุณคิดมาอยู่ในรูปซ้ายล่าง ให้เก็บไว้ เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไอเดียธุรกิจที่ไปได้ดี (Possible)
ถ้าไอเดียที่คุณคิดมาอยู่ในรูปขวาล่าง… ให้กลับไปลองลิสต์ใหม่ เพราะบางทีคุณอาจจะลิสต์ไอเดียออกมาในจำนวนที่ไม่มากพอ
ในขั้นของการระดมไอเดีย ไม่ต้องแคร์เรื่องความเป็นไปได้หรือคุณภาพมากนัก ให้โฟกัสที่ปริมาณเป็นหลัก พอมีไอเดียเยอะเพียงพอแล้วค่อยไปคัดเลือกอีกที
7. ออกเดินทาง
ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีไอเดียและยังไม่ค่อยรู้ความเป็นไปของโลกมากนัก วิธีการสุดท้ายที่ผมอยากจะแนะนำคือการออกเดินทาง
คำว่า “ออกเดินทาง” คือการเดินทางไปในสถานที่ที่คุณไม่รู้จักหรือไม่เคยไปมาก่อน
ถ้าเป็นไปได้ ผมแนะนำให้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยการ Backpack เพราะ 1. ประเทศแต่ละประเทศมีแนวคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การไปเรียนสิ่งเหล่านี้จากประเทศอื่น อาจจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ได้ 2. การ Backpack คือการที่คุณจะได้พบเจอคนใหม่ๆ และจะได้จำกัดสิ่งอำนวยความสะดวกและความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นซึ่งจะช่วยให้คุณได้ลิ้มรสประสบการณ์ของประเทศหรือเมืองนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องไปต่างประเทศเท่านั้นนะครับ จริงๆ จะเป็นการเดินทางในประเทศก็ได้ จุดสำคัญคือที่ที่คุณจะไปควรจะเป็นที่ใหม่ที่คุณไม่คุ้นเคย
อ่านเพิ่มเติม: 6 ข้อคิดทางธุรกิจที่ผมเรียนรู้หลังจากเดินทางมาครึ่งค่อนโลก
สรุป
และนี่คือไอเดียในการหาไอเดียธุรกิจทั้ง 7 ข้อที่ผมนำมาฝากนะครับ
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากไว้คือไม่ว่าไอเดียที่คุณคิดหรือค้นพบมันจะน่าอัศจรรย์ใจแค่ไหน ถ้าขาดการลงมือทำ ไม่ว่าจะไอเดียนั้นจะมีมูลค่ากี่พันล้าน มันก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรนะครับ
Ideas are cheap. Execution is everything!