[สรุปเนื้อหา] Digital Sales Strategy for B2B โดย Movider

Featured Image Digital Sales Strategy for B2B by Movider

ผมได้ไปงาน Digital Sales Strategy for B2B ที่จัดโดย Movider มา

ใครทำธุรกิจ B2B อยู่และอยากขายให้ดีขึ้น แนะนำให้อ่านคอนเทนต์นี้ครับ เนื้อหาโคตรดี

ค่อยๆ ตามไล่อ่านทางด้านล่างได้เลย 👇

B2B Sales 101

digital sales strategy for b2b 2

1. โดยพื้นฐานแล้ว ธุรกิจแบบ B2B & B2C ไม่เหมือนกัน โดยที่ธุรกิจ B2B
– มี Decision-makers หลายคน
– Sales Cycle ยาว
– กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
– ทีมขายต้องมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม ต้องเก๋าเกม

2. 80% ของธุรกิจ SMBs ในไทยล้มเหลวในการ Implement B2B CRM Projects เพราะอาจจะคุ้นชินกับพวก Spreadsheet มากกว่า

3. Digital Sales Transformation ประกอบไปด้วย 3 อย่างคือ Purpose, Process & People

digital sales strategy for b2b 3

4. ยิ่งดีลใหญ่ ยิ่งมีคนใน Process เยอะ ซึ่งถ้าจะให้แบ่งบทบาทในบริษัท สามารถแบ่งคนออกได้เป็น 6 แบบคือ
– Initiator (คนให้ Requirement / คนป้ายยา)
– User (คนใช้งานจริง)
– Buyer (คนคุมเงิน – ส่วนมากก็จะเป็นคนตำแหน่งสูงๆ หรือจัดซื้อ)
– Gatekeeper (คนคุมอำนาจในองค์กร เช่น Specialist)
– Influencer (คนที่รักเรา ชอบเราในองค์กรของลูกค้า เป็นคนที่ป้อนข้อมูลให้เรา เป็นตัวชง)
– Decider (คนตัดสินใจ ส่วนมากก็จะเป็น Top Management)

digital sales strategy for b2b 4

5. Buyer Journey ของธุรกิจแบบ B2B มี 6 ขั้นใหญ่ๆ คือ
– ระบุปัญหา (Problem Identification)
– มองหา Solution (Solution Exploration)
– เขียน Requirement (Requirement Building)
– หา Supplier และในทุกๆ ขั้นตอน (Supplier Selection)
– หาข้อมูลเพิ่มเติม (Validation)
– Make Sure ว่าทุกคนในทีม “เอาด้วย” (Consensus Creation)

digital sales strategy for b2b 5

6. ใน Sales Funnel ของธุรกิจแบบ B2B นั้น ขั้นที่มีความซับซ้อนมากๆ คือขั้น Consideration จะเป็น Infinite Loop เลย ที่จะมีทั้งเรื่องของการทำ
– Exploration หรือการหาข้อมูล เลือกช็อป Solution หลายๆ ตัว
– Evaluation การดูเรื่องราคา/การจ่ายเงิน/การการันตี ของ Solution ที่จะเลือก

digital sales strategy for b2b 6

7. สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ที่ทุกๆ ธุรกิจ B2B สามารถเอาไปใช้ได้
– Category Heuristics (การดูว่าเรามีจุดที่ดีกว่าคู่แข่งยังไง และเอาข้อมูลมาแสดงให้ลูกค้าเห็นแบบง่ายๆ)
– Power of Now (คนไม่ชอบรอ อะไรที่ได้ทันที หรือได้เร็วกว่า จะมีโอกาสมากกว่า)
– Social Proof (มีคนอื่นๆ หรือธุรกิจอื่นๆ ใช้ไหม)
– Scarcity (การเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจ โดยใช้เทคนิคการขาดแคลน เช่นบอกว่าของมีน้อย เวลาใกล้หมดแล้ว เป็นต้น)
– Authority Bias (เชื่อผู้เชี่ยวชาญหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้)
– Power of Free (ให้ลองใช้ก่อน)

7 ขั้นตอนการวาง Sales Plan สำหรับธุรกิจ B2B

digital sales strategy for b2b 7

วิธีการวาง Sales Plan ของธุรกิจแบบ B2B มีอยู่ทั้งหมด 7 ขั้นตอน ทุกๆ ธุรกิจ B2B สามารถ Follow ตามขั้นตอนนี้ได้เลย (แต่ Tactic ข้างในที่ใช้ของแต่ละบริษัทอาจจะไม่เหมือนกันนะ)

1. วาง Company Vision & Mission และ Sales Objective & Goals ก่อน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐาน แต่สำคัญมาก เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่าทิศทางของบริษัทเราเป็นยังไง เป้าคือเท่าไหร่ วัดผลยังไง

2. Market Positioning ต้องดูว่าสินค้าของเรา & คู่แข่ง มีจุดเด่น จุดด้อยยังไง แล้วให้โฟกัสกับสิ่งท่ีเป็นจุดเด่นของเราและสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อะไรที่คู่แข่งแข็ง แต่เราอ่อน ก็อย่าไปวาง Position ตัวเองไว้ตรงนั้น

3. หา Ideal Customer Profile (ICP) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Organizational Persona & Buyer Persona ซึ่งวิธีการคุย & Qualify องค์กร/คนเหล่านี้ Framework ที่ชื่อว่า BANT (Budget, Authority, Need & Timeline) ช่วยได้

4. วาง Sales Strategy & Activities ให้ดี ซึ่งกลยุทธ์และกิจกรรมการขายนั้นมีมากมายหลายแบบเลย ไม่ว่าจะเป็น
– SPIN Selling (การเริ่มต้นการขายด้วยการตั้งคำถาม)
– Consultative Selling (ผมชอบอธิบายคำนี้ว่าเป็นการขายแบบไม่ขาย เน้นการให้คำปรึกษา สุดท้ายค่อยตบเข้าสู่การขายแบบเนียนๆ)
– Outbound Selling (ทำ Telesales ให้ Call Center โทรหาลูกค้า – พี่มิจเก่งมากเรื่องนี้ เรียนรู้จากพวกเขาได้ แต่อย่าทำตาม 😂)

5. วาง Sales Pipeline Stages ตั้งแต่ขั้นแรกสุดอย่างการหา Leads จนถึงขั้น Close Deal (ปิดการขาย) หรือถ้าจะให้มากกว่านั้นคือเรื่อง Retention (การซื้อซ้ำ) ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มี Pipeline Stages ไม่เหมือนกัน คำแนะนำของผมคือยิ่งสั้น ยิ่งดี ไม่ควรมีเกิน 7 Stages ไม่อย่างนั้นแสดงว่า Process การขายของคุณอาจจะซับซ้อนไป

6. Team Structure & KPI: การขายที่ดีไม่ควรขึ้นอยู่กับแค่ Super Stars 1-2 คน แต่ควรจะทำงานกันเป็นทีมและมีการวาง KPI ในการวัดผลที่ชัดเจน

7. วาง Resources & Budget ไม่ว่าจะเป็นการวางเงินเดือน (รวมถึงค่าคอม) ของพนักงาน การสอนพนักงาน การใช้ CRM Platform เข้ามาช่วย

ถ้าทำขั้นตอน 7 ขั้นตอนนี้ได้ดี & ชัดเจน ธุรกิจ B2B ของเราก็จะขายได้ดีขึ้นแน่ๆ

สรุป

สุดท้าย ที่อยากฝากไว้คือ งานนี้ทาง Movider พยายามจะสร้าง Community สำหรับ Sales สาย B2B ขึ้นมา และเขาพยายามจัดงาน Meetup ให้ความรู้อยู่เรื่อยๆ ใครสนใจ เข้าไปลงทะเบียนความสนใจไว้ได้ที่ https://bit.ly/eventpipedrive3 เลยครับ

[คอนเทนต์นี้ได้รับการสนับสนุนโดย Movider]

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top